พาราสาวะถี

ชั้นเชิงทางการเมืองเป็นเรื่องของประสบการณ์ล้วน ๆ ต่อให้มีกุนซือดีอย่างไรอาจทำได้ในแง่ของการชี้แนะแนวทาง


ชั้นเชิงทางการเมืองเป็นเรื่องของประสบการณ์ล้วน ๆ ต่อให้มีกุนซือดีอย่างไรอาจทำได้ในแง่ของการชี้แนะแนวทาง แต่ลีลาหลบหลีก ท่วงทำนองในการชักเข้าชักออกเป็นความสามารถเฉพาะตัวไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ ของพรรค์นี้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจย่อมรู้ดี มิเช่นนั้น คงไม่ให้กระบอกเสียงข้างกายออกมาแก้ต่างแก้ตัวประเด็นที่ถูกมองว่าไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นจากคนอื่น โดยแถไปว่าทุกวินาทีมีแต่งานทำให้เคร่งเครียด จริงจัง เหมือนไม่ฟังใคร ทั้งที่จริงพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังทุกเรื่อง

เห็นชัดเจนว่าถ้าไม่ใช่ช่วงเวลานับถอยหลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง คนอย่างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่แยแสประเด็นแบบนี้เด็ดขาด แต่เมื่อจะต้องเดินด้วยตัวเองไร้เงาพี่ใหญ่คอยหนุนหลัง เป้าหมายสำคัญยิ่งหนักหน่วง คือ การนำทัพพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ด้วยความหวังว่าจะต้องมี ส.ส.อย่างน้อย 5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 25 คนขึ้นไป เพื่อสิทธิ์ในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา ถ้าน้อยกว่านี้ต่อให้มี 250 เสียง ส.ว.ลากตั้งก็ทำอะไรไม่ได้

แต่ช้าก่อน หนนี้มันไม่ง่าย ไม่หมู เหมือนหลังเลือกตั้งครั้งก่อน ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศความชัดเจนแสดงบทบาท “หนูไม่หงอ” อีกต่อไปแล้ว ด้วยการยืนยันหนักแน่นว่าถ้าหากมีเสียงข้างมากในสภา พร้อมที่จะเป็นนายกฯ ไม่เพียงเท่านั้นหากพรรคภูมิใจไทยได้เสียงมากกว่ารวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้ว และจะมากกว่าชนิดทิ้งห่างกันด้วย เก้าอี้นายกฯ ต้องเป็นของเสี่ยหนูเท่านั้น ถ้ารวมไทยสร้างชาติจะมาร่วมรัฐบาลก็จะได้แค่ตำแหน่งรองนายกฯ เท่านั้น

ออกตัว ส่งสัญญาณแรงแบบนี้ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าข้อเสนอ “นายกฯ คนละครึ่ง” คือผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นก่อน 2 ปีแรก และอนุทินเป็นสองปีหลังไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งมาถึงตรงนี้ก็มีรายงานว่าในส่วนของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ก็เซย์โนต่อเงื่อนไขนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีการประเมินกันแล้ว แนวโน้มผลการเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสที่พรรคสืบทอดอำนาจจะจับมือกับภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลเหมือนหนนี้ริบหรี่เต็มทน

ไม่ต้องพูดถึงบรรดาพรรคเล็กทั้งหลายที่เวลานี้กำลังดิ้นหนีตายจากสูตรหาร 100 ตามที่ นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่แถลงไปเมื่อวันก่อน กำลังประสานรวบรวม 20 พรรคเล็กตั้งเป็นพรรคใหม่ ด้วยความหวังว่าจะสามารถมีเก้าอี้ ส.ส.ในสภาได้อย่างน้อยก็ในระดับบัญชีรายชื่อ 2-3 คนก็ยังดี แรงสั่นสะเทือนของระบบเลือกตั้งใหม่นั้นรุนแรงขนาดไหน ก็ถึงขนาดที่ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทิ้งพรรคโอกาสไทยที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานไปซบพรรคสืบทอดอำนาจหน้าตาเฉย

เข้าใจเป็นอย่างดีนี่คือทางรอดทางการเมือง หากยังต้องการที่จะมีตำแหน่งแห่งหน เมื่อพรรคแกนนำรัฐบาลผ่านการเขย่าตามแนวทางของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่จะแยกทางกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแล้ว ทำให้หนทางที่จะอ้าแขนเปิดรับนักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ ก็เปิดกว้างมากขึ้น ไม่ต้องสงสัยดีลการเมืองหนนี้คนที่ชักชวนให้มิ่งขวัญเข้าสู่พรรคสืบทอดอำนาจย่อมหนีไม่พ้น ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่หนนี้จะถอยตัวเองไปเล่นบทผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นการเพลย์เซฟจากปมมาเฟียสีเทาจากจีน

ส่วนประเด็นที่ว่า การประกาศจะเป็นนายกฯ ของอนุทินถ้าสามารถจับมือกับพรรคต่าง ๆ รวบรวมเสียงข้างมากได้ จะสามารถฝ่าด่าน 250 เสียงของ ส.ว.ลากตั้งได้อย่างนั้นหรือ ความจริงเรื่องนี้ได้เคยบอกไปแล้วก่อนหน้าแม้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะเคยได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณที่เซ็นแต่งตั้งคนเหล่านี้เข้ามา แต่นั่นเป็นเพราะหัวโขนของความเป็นหัวหน้า คสช. แต่หลังจากมีการเลือกตั้ง ส.ส.ไปแล้ว สภาพของ ส.ว.ก็ไม่ต่างจากบรรดาผู้แทนสภาล่างแม้แต่น้อย

จำนวนไม่น้อยต่างแสวงหาผู้ดูแล แล้วประเภทใจถึงพึ่งได้จะมีใครถ้าไม่ใช่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. นั่นมันจึงทำให้พี่ใหญ่รู้สึกสบายใจอย่างเป็นพิเศษที่การเลือกตั้งครั้งหน้า จะไม่ต้องกระเตงน้องเล็กของแก๊งไปให้เป็นภาระ การเจรจาสร้างสัมพันธ์กับพรรคการเมืองอื่น ๆ มันจึงสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าถ้าสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภา จะไม่มีปัญหาเรื่องเสียงหนุนจาก ส.ว. กรณีที่จะเสนอชื่ออนุทินเป็นนายกฯ ส.ว.กลุ่มหนึ่งก็พร้อมที่จะยกมือหนุนด้วยพลังพิเศษที่มากับตัวเสี่ยหนูเอง

สูตรทางการเมืองนาทีนี้จึงสามารถที่จะจัดวางกันไปเรื่อย ๆ แล้วคิดกันไปเล่น ๆ มองแนวโน้มว่าแบบไหนน่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด 3 พรรคการเมืองเดิม พรรคสืบทอดอำนาจ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พ่วงด้วยรวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสที่จะเป็นไปได้บนข้อแม้ที่ว่าสองพรรคแรกจะต้องได้ ส.ส.ชนิดหายใจรดต้นคอพรรคเพื่อไทยที่ประกาศแลนด์สไลด์ ถ้าทำได้การเมืองขั้วเดิมก็สามารถอยู่ในอำนาจต่อไป เพียงแต่เปลี่ยนตัวนายกฯ ก็เท่านั้น

ปัญหาสำคัญ คือ ทั้งพรรคเก่าแก่และรวมไทยสร้างชาติ สองพรรครวมกันจะได้ ส.ส.กี่เสียง ในเมื่อประชาธิปัตย์ก็ถูกดูดทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่ว่าจะเป็นพรรคสืบทอดอำนาจและรวมไทยสร้างชาติ สิ่งสำคัญคือฐานเสียงและคะแนนที่จะได้ดันเป็นกลุ่มเดียวกัน ดังนั้น การจะได้จำนวน ส.ส.เพิ่มเพื่อไปลดแต้มของเพื่อไทยจึงเป็นไปได้ยาก ปัจจัยชี้ขาดอีกประการ คือ ความเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคขั้วกลางที่มีแนวโน้มชัดว่าไม่ขอเลือกที่จะอยู่ข้างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เพราะมั่นใจว่าประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น สูตรการเมืองที่คนเชื่อว่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และพรรคขั้วกลาง ทิศทางเช่นนี้จะได้ตัวนายกฯ ที่สังคมยอมรับ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคแลนด์สไลด์ว่าจะเลือกใช้ใคร โดยคอการเมืองทั้งหลายยังเชื่อว่า “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ไม่น่าจะใช่ ถ้าเป็น เศรษฐา ทวีสิน จากแสนสิริ ก็เข้าทางคนที่อยากเห็นเศรษฐกิจเฟื่องฟู ผู้นำเป็นที่ยอมรับของทั้งคนไทยและทั่วโลก ส่วนภูมิใจไทยการได้กลับไปดูแลกระทรวงสาธารณสุขเพื่อลุยกัญชาต่อก็น่าจะเป็นข้อเสนอที่พอใจมากที่สุด

พ่วงด้วยเงื่อนไขคุมกระทรวงคมนาคมเหมือนเดิมก็ไม่น่าจะมีปัญหา แม้จะเป็นกระทรวงเกรดเอบวก แต่ยุคนี้พรรคแกนนำรัฐบาลต่างให้ความสำคัญที่กระทรวงพลังงานเป็นด้านหลัก ฟากของพรรคสืบทอดอำนาจพี่ใหญ่ถ้าได้กลับมาคุมงานด้านความมั่นคงพ่วงเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมหรือมหาดไทยก็ยิ่งใหญ่และมีศักดิ์ศรีกว่ายุคที่น้องเล็กให้เป็นแค่รองนายกฯ เพียงอย่างเดียว นี่แค่คุยกันเบื้องต้นถ้าปิดดีลกันได้เก้าอี้อื่น ๆ ไม่ใช่ปัญหา เพราะตัวเลือกซึ่งประชาชนยอมรับมีมากกว่าที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเลือกใช้ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

Back to top button