พาราสาวะถี

เริ่มปรับบทบาทเข้าสู่ความเป็นนักการเมือง หลังจากที่ผู้นำเผด็จการ ทำเอานักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลตะลึงกันเป็นแถว ด้วยการเอ่ยปากชมว่า “น่ารัก”


เริ่มปรับบทบาทเข้าสู่ความเป็นนักการเมืองเต็มตัว หลังจากที่วานนี้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทำเอานักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลตะลึงกันเป็นแถว ด้วยการเอ่ยปากชมว่า “น่ารัก” เพราะสื่อไม่ได้ตั้งคำถามประเด็นทางการเมือง พร้อมยกมือแสดงสัญลักษณ์สู้ตาย แต่ต้องดูกันต่อว่าจะนิ่ง และสงบสยบอารมณ์โมโห ปรี๊ดง่ายเหมือนที่ผ่านมาอีกหรือไม่ แต่ก็น่าจะดีขึ้นเพราะมีการวางคิวงานทั้งตรวจราชการและหาเสียงกับพรรครวมไทยสร้างชาติไว้อย่างถี่ยิบในช่วงนี้

เริ่มต้นวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ลงพื้นที่สมุทรสงครามเพื่อช่วยการันตีให้ความมั่นใจกับ รังสิมา รอดรัศมี ที่จะตีจากพรรคประชาธิปัตย์มาเข้าคอกของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หลังจากนั้นวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เวลา 17.00-19.30 น. จะเดินทางไปเป็นประธานในการจัดกิจกรรมเฟสติวัลมวยไทย ประจำปี 2566 ซึ่งกองทัพบกได้จัดขึ้นที่อุทยานราชภักดิ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยไฮไลท์ของงานดังกล่าวจะมีการแสดงมวยไทย การไหว้ครูมวยไทย และการแสดงแม่ไม้มวยไทยเพื่อบันทึกสถิติโลกของกินเนสส์ด้วย

ที่เป็นไฮไลท์ของเดือนนี้คือ การจะไปขึ้นเวทีปราศรัยที่นครราชสีมา งานนี้ไม่ต้องบอกว่ามาจากการวางแผนของใคร เสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะคนโคราชนั่นเอง เรื่องคนมาร่วมงานไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ไปแล้วจะปัง จะเปรี้ยงหรือแค่เสียงดีไม่มีคะแนน คงจะประเมินกันไม่ยาก เพราะจนถึงนาทีนี้ภายในพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังไม่อาจจะยืนยันได้ว่าเก้าอี้ ส.ส. 25 ตำแหน่งเพื่อรักษาสิทธิ์ในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมรัฐสภานั้นชัวร์หรือไม่

ในแง่ของลิ่วล้อสอพลอก็ย่อมสรรเสริญ ยกหางว่ากระแสตอบรับดี มีโอกาสได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกคำรบแน่นอน แต่ในความเป็นจริงหากไม่มีทีมลงพื้นที่เก็บข้อมูล สำรวจความนิยมของประชาชน จะถือว่าเป็นการกระโดดเข้าสู่สนามการเมืองด้วยความเชื่อมั่นในองคาพยพและกลไกที่ได้วางไว้เพื่อการสืบทอดอำนาจเท่านั้น หวังเพียงว่าปลายทางมี 250 ส.ว.เป็นเครื่องมือในการที่จะจับเอาพรรคการเมืองทั้งหลายมาเป็นพวกเพื่อโหวตให้ตัวเองเป็นผู้นำอีกรอบเหมือนที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวในส่วนของการเตรียมความพร้อมผู้สมัครถ้าเทียบกันระหว่างพรรคสืบทอดอำนาจกับรวมไทยสร้างชาติ ความคึกคักไปอยู่ที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. เพราะมีคนไหลเข้าต่อเนื่อง ที่ทำท่าว่าจะตีจากอย่างกลุ่มสามมิตร มาถึงนาทีนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน จะยังคงปักหลักที่เดิม แต่ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย จะย้ายไปอยู่กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่แผนแยกกันเดิน ทว่าเป็นเรื่องของข้อเสนอ เงื่อนไขที่น้องเล็กใช้อำนาจเวลานี้ตอบแทนให้ได้ตามที่ต้องการ

สำหรับคนที่มีเบื้องหลังย่อมต้องอาศัยที่พักพิงซึ่งช่วยปกป้องรักษาส่วนที่เป็นบาดแผลของตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม การแยกทางเดินจากกลุ่มสามมิตรนั้นก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของเสี่ยแฮงค์ ก็จะมีตำแหน่ง ส.ส.ชัยนาทเท่านั้นที่พอจะเป็นความหวังให้กับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและรวมไทยสร้างชาติได้ เพราะ ส.ส.ในกลุ่มส่วนใหญ่ยังคงไปต่อกับพรรคสืบทอดอำนาจ เช่นเดียวกันกับกลุ่มเพชรบูรณ์ภายใต้การกุมบังเหียนของ สันติ พร้อมพัฒน์ ที่ยังเชื่อมั่นในตัวพี่ใหญ่เหมือนเดิม

ขณะเดียวกัน การเคลื่อนเกมในสภาภายใต้สถานการณ์องค์ประชุมไม่ครบ สภาล่มบ่อย แต่วานนี้ เห็นสัญญาณของการรอมชอมหรือจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้ไปถึงแนวโน้มของการสร้างพันธมิตรหลังเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อพรรคฝ่ายค้านเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา จากกรณีสองนักกิจกรรม “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ “แบม” อรวรรณ ภู่พงษ์ กำลังอดอาหารในระหว่างที่ถูกคุมขัง จึงจะถามไปยังรัฐมนตรียุติธรรมถึงการเข้าถึงสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมในภาพรวมทั้งหมด และสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหา

น่าสังเกตว่า ทางพรรคสืบทอดอำนาจก็สนับสนุนญัตติด่วนนี้ โดยที่สมศักดิ์ในฐานะรัฐมนตรียุติธรรมก็พร้อมจะมาชี้แจง ติดที่ภูมิใจไทยที่คัดค้าน เพราะจะเบียดเวลาการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เป็นกฎหมายสำคัญของพรรคตัวเอง จนสุดท้ายก็ต่อรองกันได้ว่าถ้าให้พิจารณาญัตติด่วนแล้ว พรรคฝ่ายค้านจะอยู่ร่วมเป็นองค์ประชุมให้การพิจารณากฎหมายกัญชาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จนที่สุดก็ยอมตามนั้น การเมืองลักษณะนี้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและพรรคของตัวเองต้องศึกษาและเรียนรู้ว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนอะไรหรือไม่

ปัจจัยทางการเมืองที่จะนำไปสู่การยุบสภาที่ว่าด้วยสภาล่ม ดูแล้วไม่น่าจะมีความเป็นไปได้มากเท่ากับความพร้อมของพรรคที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกุมบังเหียน เมื่อมองจากความเป็นไปได้คงจะเกิดขึ้นหลังจากที่สภาปิดสมัยประชุมไปแล้วคือ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งน่าจะเป็นระยะเวลาเดียวกันกับที่ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งแล้วเสร็จ เรื่องที่จะอยู่กันครบวาระไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน หากเป็นเช่นนั้น เราจะต้องได้เห็นบรรดา ส.ส.ที่จะย้ายพรรคต้องทิ้งเก้าอี้ก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้

เนื่องจากการอยู่ครบวาระ ผู้สมัคร ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน ถามว่าใครจะกล้าเสี่ยงขนาดนั้น เมื่อย้อนไปดูบทสัมภาษณ์ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก่อนหน้าที่ว่าจะไม่ทำให้ ส.ส.หรือนักเลือกตั้งที่จะย้ายพรรคเดือดร้อน การยุบสภาจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพราะเงื่อนเวลาของผู้สมัคร ส.ส.ที่ต้องสังกัดพรรคการเมืองจะเหลือเพียงแค่ไม่น้อยกว่า 30 วันเท่านั้น นาทีนี้จึงเป็นการตรวจรายชื่อคนที่จะย้ายคอกกันให้ชัดแจ้ง คำนวณจำนวนคนที่คาดว่าจะได้เป็น ส.ส.ให้ชัวร์เพื่อไม่ให้เสียของหลังยุบสภา

มากไปกว่านั้น ที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องสั่งทีมงานติดตามใกล้ชิดคือ ข้อมูลเรื่องการทุจริตที่ผุดขึ้นกันรายวัน จากรีดเงินดาราสาวไต้หวันผลงานชิ้นโบว์ดำของตำรวจ สน.ห้วยขวาง ล่าสุดก็มีปมดาบตำรวจพัทยาไถเงินไกด์รับนักท่องเที่ยวจีนเป็นเงิน 6 หมื่นบาท ด้วยข้อหาเดียวกันคือมีบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครอง จะบอกว่าเป็นเรื่องของหน่วยปฏิบัติการทำผิดส่วนบุคคลก็ใช่ แต่ถามว่าใครกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ งานนี้มันกระทบต่อภาพลักษณ์คนดีของท่านผู้นำโดยตรง ถ้าไม่สะสางกันให้กระจ่าง แก้ต่างแก้ตัวกันยังไงคะแนนนิยมของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่มีทางกระเตื้องขึ้นแน่นอน

Back to top button