ศุภาลัย Top Pick กลุ่มอสังหาฯ

ผู้บริหาร SPALI ประกาศแผน SUPALAI THE NEW ERA เริ่มต้นสู่ศักราชใหม่ ปี 2566 ด้วยเป้าหมายสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ทั้งด้านยอดขาย รายได้


เส้นทางนักลงทุน

ผู้บริหาร บมจ.ศุภาลัย (SPALI) ประกาศแผน SUPALAI THE NEW ERA เริ่มต้นสู่ศักราชใหม่ ปี 2566 ด้วยเป้าหมายสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ทั้งด้านยอดขาย รายได้

“ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ SPALI ทายาทรุ่น 2 ผู้เข้ามารับช่วงต่อจาก “ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ระบุว่า ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ด้วยความมั่นคงและยั่งยืน

โดย SPALI ตั้งเป้ายอดขาย (presales) สร้างนิวไฮใหม่ (New High) 36,000 ล้านบาท เติบโต 11% และเป้าหมายรายได้ 36,000 ล้านบาท ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 37 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 41,000 ล้านบาท

ในปี 2565 ที่ผ่านมา SPALI ทำยอดขายได้ 32,433 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่ 28,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มียอดขาย 24,069 ล้านบาท

ผู้บริหาร ระบุว่า ยังคงให้ความสำคัญกับโครงการแนวราบ ดังนั้นในปีนี้จึงมีแผนจะเปิดถึง 34 โครงการใหม่ มีมูลค่ารวมกว่า 32,700 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักสำหรับโครงการแนวราบจะมุ่งเน้นระดับบน 10-30 ล้านบาท ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมจะเปิดใหม่ 3 โครงการ รวม 8,300 ล้านบาท และตั้งงบซื้อที่ดินใหม่ทั้งปีนี้ 8,000 ล้านบาท

SPALI ยังประกาศตัวชัดเจนในการเป็นผู้นำพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคต่าง ๆ โดยในปีนี้จะรุกเข้าไปใน 5 จังหวัดใหม่ ทั้งลำปาง ลำพู นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรี

รวมทั้งจะต่อยอดการลงทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ จากที่ลงทุนแล้ว 12 โคงการ ใน 4 เมือง ที่ประเทศออสเตรเลีย ด้วยเม็ดเงินลงทุน 9,748 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 52,600 ล้านบาท

โบรกเกอร์ยกให้ SPALI เป็น Top Pick ของหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ด้วยเหตุผลความแข็งแกร่งของผลประกอบการและยอดขายรอโอน หรือแบ็กล็อก (Backlog)

โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรปกติไตรมาส 4 ปี 2565 ที่ 2.2 พันล้านบาท ลด 19.3% จากไตรมาสก่อน และลดลง 22.9% งวดปีก่อน เนื่องจากไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่เริ่มโอน ส่วนกำไรทั้งปี 2565 คาดที่ 8.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% งวดปีก่อน เป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนด้วยความสามารถในการขายโครงการเดิมที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมโอนได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่ ในปี 2566 มีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ มูลค่า 4.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 9.6% จากปีก่อนหน้า ถือเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 ยังแข็งแกร่ง หนุนด้วย Backlog รอรับรู้เป็นรายได้ที่สูงถึง 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ที่ปลอดภัย (Secured Revenue) จากประมาณการรายได้ปีนี้ที่คาดไว้ หรือคิดเป็นกว่า 40.7% แล้ว

จึงปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 เป็น 29.75 บาท อิง P/E ที่ 6.9 เท่า ส่วนค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี P/E อยู่ที่ 7.0 เท่า ขณะที่เงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2565 คาดที่ 0.89 บาท คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) สูงถึง 3.8% แนะนำ “ซื้อ”

ด้านบล.กรุงศรี ระบุ เป็นปีที่ท้าทายของ SPALI หลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565 จากการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์หรือความต้องการซื้อ (pent-up demand) มากขึ้นหลังสถานการณ์โรคระบาดโควิดคลี่คลาย

ด้วยแนวโน้มที่ดูท้าทายดังกล่าว จึงปรับลดคำแนะนำ SPALI จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” และประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 24.50 บาท อิง P/E เฉลี่ย ระยะยาวที่ 7 เท่า เนื่องจากราคาหุ้นเหลืออัพไซด์ (upside) จำกัด และการเติบโตของกำไรมีแนวโน้มแผ่วลง

ผลประกอบการมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงจากฐานสูงปีที่แล้ว ซึ่งเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มขึ้น 53% และทำยอด presales ทั้งปีได้ 3.24 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 35%

ยอดเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเพราะผลจากฐานที่ต่ำ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ (lockdown) เมืองในช่วงปี 2563-2564

อย่างไรก็ตาม ยอด presales ดีขึ้นไม่ได้เป็นเพราะมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะมีอุปสงค์ pent-up demand ของที่อยู่อาศัยหลังจากที่สถานการณ์โรคระบาดผ่านพ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยอด presales และยอดโอนแข็งแกร่งในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าเร่งซื้อเพราะกลัวว่ารัฐบาลจะไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566

บล.กรุงศรี คาดว่า กำไรในไตรมาส 4 ปี 2565 จะอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน และ 3% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ลดลงเป็นเพราะยอดโอน และอัตราการทำกำไรเบื้องต้น (GPM) ลดลง เนื่องจาก SPALI ไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เริ่มโอนในนี้

นอกจากนี้ การที่สัดส่วนยอดโอนคอนโดมิเนียมที่มีความสามารถในการทำกำไร หรือมาร์จิ้น (margin) สูงลดลง ยังจะทำให้ GPM โดยรวมลดลงด้วย

จึงประเมินว่ายอดโอนในปี 2565 น่าจะสูงเกินเป้าของบริษัทที่ 2.9 หมื่นล้านบาท และดีกว่าคาดการณ์ โดยอาจทำได้สูงถึงราว 3.5 หมื่นล้านบาท และปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้น 10% หลังจากที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มแข็งแกร่ง คาดกำไรทั้งปีจะเติบโตถึง 23% ปีก่อน

แต่ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลง 6-7% เนื่องจากปรับลดสมมติฐานรายได้จากการโอนลง กำไรอาจจะโตลำบาก เพราะ SPALI โอนคอนโดมิเนียมใหม่ถึง 7 โครงการ ในปีก่อน แต่จะมีคอนโดมิเนียมที่โอนได้ในปีนี้เพียง 2 โครงการเท่านั้น

SUPALAI THE NEW ERA” จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสามารถของผู้บริหาร SPALI ในการมุ่งมั่น ผลักดัน และเดินหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้นั่นเอง

Back to top button