KTB โดดเด่นด้าน Digital Platform

KTB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 มีกำไรสุทธิ 8,109.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.03% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564


คุณค่าบริษัท

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มีโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2565 ดังนี้ 1.สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 28.4% 2.สินเชื่อรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ 16.5% 3.สินเชื่อธุรกิจ SME 12.2% 4.สินเชื่อรายย่อย 42.9% โดยภายใต้สินเชื่อรายย่อย 42.9% สามารถจำแนกต่อได้ดังนี้ 1.สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 18.2% 2.สินเชื่อบุคคล 21.9% 3.สินเชื่อบัตรเครดิต 2.7% 4.สินเชื่อ Leasing 0.1% KTB มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยสิ้นปี 2565 มีผู้ใช้บริการแอปฯ เป๋าตังกว่า 40 ล้านคน, Krungthai NEXT 16 ล้านคน, Krungthai Connext 18 ล้านคน และแอปฯ ถุงเงิน 1.7 ล้านร้านค้า

KTB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 มีกำไรสุทธิ 8,109.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.03% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 แต่ลดลง 4.03% เมื่อเทียบไตรมาส 3/2565 มีสาเหตุหลักจากรายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัว 15.8% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ตามการเติบโตของสินเชื่อที่มุ่งเน้นคุณภาพทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย KTB มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิไตรมาส 4/2565 เติบโต 15.3% จากไตรมาส 4/2564 และขยายตัว 7.5% จากไตรมาส 3/2565 จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 2 ครั้งในเดือน ต.ค. และ ธ.ค. 2565 ส่วนอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นมาที่ 2.80% จาก 2.47% ในไตรมาส 4/2564 และเทียบกับ 2.61% ในไตรมาส 3/2565

รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิไตรมาส 4/2565 เท่ากับ 5,073 ล้านบาท ลดลง 1.7% จากไตรมาส 4/2564 ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและการปรับตัวของลูกค้าโดยใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล โดยค่าธรรมเนียมการขายประกันผ่านธนาคาร (Bancassurance) ยังเติบโต หากเทียบไตรมาส 3/2565 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง 5.4% รายได้จากการดำเนินงานอื่น ๆ ไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 4,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.2% จากไตรมาส 4/2564 และเพิ่มขึ้น 49.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565

ส่วนใหญ่เป็นผลจากกำไรจากพอร์ตการลงทุน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด และรายได้จากการดำเนินงานอื่น ๆ จากหนี้สูญรับคืน KTB มีการบริหารค่าใช้จ่ายโดยองค์รวม ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงาน (Cost to Income Ratio) ดีขึ้นมาอยู่ที่ 45.30% จากไตรมาส 4/2564 ซึ่งอยู่ที่ 49.16% และใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2565 ด้านค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 6.7% จากไตรมาส 4/2564 และเพิ่มขึ้น 9.7% จากไตรมาส 3/2565 สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายอื่น, ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และค่าใช้จ่ายด้านไอที

KTB ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ไตรมาส 4/2565 จำนวน 7,532 ล้านบาท ลดลง 8.5% จากไตรมาส 4/2564 แต่เพิ่มขึ้น 32.9% จากไตรมาส 3/2565 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ NPL Ratio ในไตรมาส 4/2565 เท่ากับ 3.26% ลดลงจาก 3.50% ณ สิ้นปี 2564 และเทียบกับ 3.32% ในไตรมาส 3/2565 และยังคงรักษา Coverage Ratio ในระดับสูงที่ 179.7% เทียบกับ ณ สิ้นปี 2564 ที่ 168.8% และเทียบกับไตรมาส 3/2565 ที่ 176.4%

ยอดเงินให้สินเชื่อของ KTB ไม่รวมสินเชื่อภาครัฐ เติบโต 4.3% จากสิ้นปี 2564 จากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย โดยมียอดสินเชื่อรวมลดลง 1.4% จากสิ้นปี 2564 โดยสินเชื่อภาครัฐลดลง 22.7% จากปี 2564 ส่วนผลการดำเนินงานงวดปี 2565 KTB มีกำไรสุทธิ 33,697.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.09% จากงวดปี 2564 ซึ่งเติบโตสูงสุดในกลุ่มธนาคาร โดย KTB ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ (ECL) จำนวน 24,338 ล้านบาท ลดลง 25.2% จากปี 2564 โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองหนี้และภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2564

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น KTB ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 7 ก.พ. 2566 ที่ 17.20 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 7.88 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มธนาคารที่ 8.75 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น KTB อยู่ที่ 0.66 เท่า ต่ำกว่า P/BV กลุ่มธนาคารที่ 0.70 เท่า

Back to top button