หุ้นที่โดนหมายหัว

ในเมื่อสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยออกอาการแทงกั๊กอยู่ร่ำไป “โมนิก้า” ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทนฝืนเชื่อว่า ดัชนีจะทะยานขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1,700 จุด


ในเมื่อสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยออกอาการแทงกั๊กอยู่ร่ำไป “โมนิก้า” ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทนฝืนเชื่อว่า ดัชนีจะทะยานขึ้นไปยืนเหนือแนวต้าน 1,700 จุด เพราะสิ่งที่แสดงออกมาในช่วงเดือนครึ่ง มันเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ซึ่งทำให้นักลงทุนพร้อมจะสาดหุ้นทิ้งแบบตื่นตระหนกตลอดเวลา และทำให้บรรยากาศการลงทุนดูห่อเหี่ยวชอบกลแบบนี้..มีกำไรก็ขายไว้ก่อนดีไหมคะ

เนื่องจากการรีบาวด์ในแต่ละรอบมีจุดสูงสุดต่ำลงเรื่อย ๆ จึงกลายเป็นตัวแปรที่ทำให้ “โมนิก้า” ไม่สามารถมองดีได้เลยจริง ๆ และทำให้การเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,664.89 จุด บวกไป 0.32 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.28 หมื่นล้านบาท กลายเป็นเกมเสี่ยงที่นักลงทุนต้องอาศัยความไวในการทำรอบ ขณะเดียวกันก็ต้องคอยชำเลืองการเคลื่อนตัวดัชนีดาวโจนส์จะออกมาในรูปไหนอีกด้วย จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจพะย่ะค่ะ

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เดี๊ยนต้องเท้าความไปถึงยังเรื่องราวก่อนหน้านี้ว่า ตลาดหุ้นคลายกังวลกับเรื่องดอกเบี้ยแล้วใช่ไหม? และปัญหาเรื่องต้นทุนพลังงานไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำกำไรแล้วใช่ไหม? หรือแม้กระทั่งเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัวใช่ไหม?..หากคำตอบทั้งหมดออกมาว่า ใช่! นั่นหมายความว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะขึ้นได้ตั้งนานแล้ว แต่วันนี้ทำไมยังย่ำอยู่กับที่ล่ะคะ

เหมือนกับแรงขายที่สาดใส่หุ้น GLOBAL แบบไม่มีเยื่อใย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถูกยกให้เป็นหุ้นที่ทำผลงานสวย แต่เอาเข้าจริงกลับโดนถล่มขายตั้งแต่ต้นปี และวานนี้ก็โดนถล่มขายอีกครั้ง “โมนิก้า” เลยเกิดอาการ “งงเป็นไก่ตาแตก” หลังเห็นราคาหุ้นรูดลงมาปิดที่ระดับ 19.50 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 706 ล้านบาท จึงสงสัยว่า “วันนี้” และ “วันต่อไป” น่าจะโดนอีกจ้า!

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นลังกระดาษ SCGP ก็มีแรงขายออกมาไม่ยิ่งหย่อนกว่ารายแรก จนหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงอย่างชัดเจน พร้อมกับเป็นการพิสูจน์จุดเด้งกลับที่บริเวณ 50 บาทยังขลังเหมือน 4 ครั้งก่อนอีกไหม? “โมนิก้า” มองเป็นเกมเสี่ยงที่แฟนคลับต้องเลือกเอาเองว่า ลองของไหม? หลังราคาหุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 51.50 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 799 ล้านบาทแล้วน่ะซี

ส่วนรายที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการ “ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย” คงไม่มีใครเกินหน้าไปกว่า GUNKUL เพราะเหมือนเป็นหุ้นที่โดนหมายหัวขายทิ้งอย่างเดียว จนราคาหุ้น “ไหลลงแล้ว..ไหลลงอีก” ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 4.76 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 612 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 13 เท่าแบบนี้ มันเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลที่หุ้นพื้นฐานดีจะโดนล็อกเป้าถล่ม..จริงไหมพี่บูรณ์เจ้าขา..

ประเด็นข้างต้นทำให้เดี๊ยนนึกถึงหุ้นถุงมือยาง STGT ขึ้นมาทันที เพราะเมื่อดูจากข่าวสารที่ออกมาในทำนองว่า ผ่านพ้นก้นเหวของการทำธุรกิจ และกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวอีกครั้ง ก็ไม่ควรถูกตั้งป้อมขายจนออกอาการรวนหนักเช่นนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 10.60 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 231 ล้านบาท มันมีอะไรบางอย่างเอ็กซิเด้นท์หรือเปล่า?..ใครรู้ช่วยตอบทีค่ะ

สำหรับรายที่มีปัญหาหนักหนาสาหัสจริง ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น KEX แบบไม่ลังเลใจอีกเช่นกัน เพราะการทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 16.40 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 137 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low นับตั้งแต่เข้าเทรด 24 ธ.ค. 63 มันเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า นี่คือธุรกิจที่เผาเงินทิ้งไปวัน ๆ แถมยังเป็นธุรกิจที่เล่นกับสงครามราคาอีกต่างหากแบบนี้..มีสิทธิ์ได้เห็น “ออลไทม์โลว์” อีกนะจ๊ะ

ตรงกันข้ามกับในรายของ DITTO อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้มีสตอรี่เด่นหลายเรื่อง แถมกำไรก็ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สุดท้ายก็โดนรินขายออกมาเป็นระยะ จนหุ้นกลับมาอยู่ในทิศทางขาลงอีกครั้งแบบนี้ “โมนิก้า” คงเม้าท์ได้แค่ว่า ดูอยู่ห่าง ๆ น่าจะปลอดภัยกว่า เพราะการทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 49.50 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 104 ล้านบาท พร้อมกับทำ double low ที่ราคา 48 บาท..ตามตำราเขาเขียนไว้ว่า เด้งกลับ!..ถ้าไม่เด้ง..โกยเถอะโยม!..อิอิอิ

Back to top button