ท่าดี..ทีเหลว

ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของอาการเมาหมัด จึงขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้สักที แถมทุกครั้งที่เริ่มผงกหัวขึ้นทีไร ก็โดนหมัดสวนหนักเข้าเต็มหน้าทุกที


ดูเหมือนตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของอาการเมาหมัด จึงขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้สักที แถมทุกครั้งที่เริ่มผงกหัวขึ้นทีไร ก็โดนหมัดสวนหนักเข้าเต็มหน้าทุกที ดัชนีถึงยืนซึมกระทือที่บริเวณ 1,650 จุดแบบไม่มีกำหนด โดยที่หุ้นบลูชิพยังโดนกระหน่ำขายเป็นระลอกแบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า ควรเลิกหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่จะได้เห็นดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,700 จุดในเวลาอันใกล้นะจะบอกให้

เนื่องจากประเด็นที่ยังค้ำคอหอยยังอยู่ที่ทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ ซึ่งพ่วงมาด้วยความกังวลที่มีต่อเศรษฐกิจโลก และยังมีตัวบั่นทอนกำลังใจเป็นเรื่องทิศทางดอกเบี้ยแบบนี้ มันต้องใช้เวลาเยียวยาให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างช้า ๆ และหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเป็นรูปธรรมก็หนีไม่พ้น งบไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียนต้องมาดีตามคาด เพราะมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นรอบใหม่อย่างเต็มตัวนะคะ

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,659.48 จุด ลบไป 9.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.51 หมื่นล้านบาท เพราะเมื่อดูไซเคิลการเคลื่อนตัวเป็นรอบจะเห็นว่า มีจุดต่ำสุดใหม่เกิดขึ้นทั้งหมด 2 ครั้ง และถ้าอิงตามตำราหุ้นเชิงเทคนิคเป็นหลัก เขาบอกไว้ว่า ต้องมีจุดต่ำสุดครั้งที่ 3 เกิดขึ้นแน่ ๆ เดี๊ยนเลยเชื่อว่า ดัชนีน่าจะกลับลงไปยืนแถว 1,620 จุดอีกรอบก็เท่านั้นเอง..จริงหรือไม่ ก็ดูกันต่อไป เพราะเดี๊ยนอิงจากตำราเจ้าค่ะ

เหมือนกับในรายของน้องรอยจูบ KISS ที่โดนกระหน่ำขายทิ้งอย่างหนักหน่วง ทั้งที่งบก็ออกมาสวยหรูตามท้องเรื่อง กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกประหลาดใจอย่างแรง พร้อมกับมองการยืนปิดที่ระดับ 8.15 บาท ลบไป 1.65 บาท หรือลงไป 16.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 213 ล้านบาท คือโอกาสของการซื้อสวนสำหรับผู้กล้า เพราะการร่วงหล่นคราวนี้เขาเรียกว่า sell on fact น่ะซี

เช่นเดียวกับในรายของ III ก็โดนขายทิ้งในลักษณะเดียวกับรายแรก โดยที่นักเล่นยังมีมองมุมบวกกับหุ้นตัวนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 14.20 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 5.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 226 ล้านบาท เหมาะต่อการซื้อสวนมากขนาดไหน? เพราะเรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน เดี๊ยนไม่สามารถไปบีบบังคับใครได้นะพ่อคุณ!

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันกลับมามองหุ้น DOHOME เพื่อล้อไปกับกระแสความเชื่อของนักเล่นที่ว่า ไตรมาส 1 ฟื้นตัวกันสักหน่อย! เพราะมันเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นขึ้นเป็นวันที่ 3 ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 14.90 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 628 ล้านบาท งานนี้จึงเป็นการเดิมพันครั้งใหม่สำหรับคนเล่น และหวังในใจว่า คุณคงไม่หลอกดาวเหมือนเมื่อปีก่อนนะคะ

เรื่องข้างต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องเอ่ยถึงหุ้น IRPC หลังราคาหุ้นทรุดตัวต่อเนื่องอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เชื่อมั่นว่า “เทิร์นอะราวด์” แต่เอาเข้าจริงกลับโดนรินขายออกมาไม่หยุดหย่อน จนสุดท้ายลงมายืนปิดที่ระดับ 2.98 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 287 ล้านบาท ซึ่งใกล้กับจุดเด้งกลับ 2 ครั้งก่อนที่บริเวณ 2.90 บาทแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนมีอาการ “ทั้งลุ้น ทั้งเสียว” ในเวลาเดียวกันเลยนะคุณพี่

อีกรายที่ทำให้กองเชียร์ผิดหวังซ้ำ ๆ อยู่ร่ำไป “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น TIPH เพราะก่อนหน้านี้พยายามตั้งลำสู้แรงขายตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้พ่ายกลับไปเหมือนเดิม (เหมือนลิเวอร์พูลโดนมาดริดยำใหญ่) เดี๊ยนเลยไม่กล้าเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า การวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 51.50 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 180 ล้านบาท คือการคัมแบ็คอย่างเต็มตัว เพราะเที่ยวก่อนก็เพิ่งจอดป้ายแรกที่บริเวณ 53 บาท..จำกันได้ไหมเอ่ย?

ตบท้ายกันที่หุ้นทางด่วนโทลล์เวย์ DMT กันดีกว่า เพราะอาการเด้งดึ๋งอย่างร้อนแรงเป็นวันที่ 2 กลายเป็นช็อตที่ทำให้กองเชียร์มีความหวังขึ้นมาทันที เนื่องจากไฟต์นี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา แถมมีสตอรี่เด็ด ๆ เข้ามาหล่อเลี้ยงไม่ขาดสาย บรรดาขาลุยถึงกระโจนใส่มือเป็นระวิง จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 13.80 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 314 ล้านบาทแบบนี้..คุณพี่ “ธานินทร์” คงเข้าใจหัวอกนักเล่น เขาคาดหวังอะไรในตัวคุณพี่นะจ๊ะ

Back to top button