CEO หายตัว..สัญญาณจีนล้างบางอีกรอบ..?

ภาวนาว่าการหายตัวของเปาครั้งนี้อาจไม่ใช่สัญญาณการกวาดล้างครั้งใหญ่ต่อการประพฤติมิชอบของบิ๊กเทค และบริษัทการเงินจีนอีกครั้ง


การหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมาของ “เปา ฝาน” หนึ่งในมหาเศรษฐี และดีลเมกเกอร์คนสำคัญในภาคเทคโนโลยีของจีนได้ทำให้เกิดความกังวลและสงสัยกันว่า ทางการจีนอาจเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างการกระทำผิดและประพฤติมิชอบในภาคการเงินและเทคโนโลยีจีนครั้งใหญ่อีกครั้ง

ที่กังวลกันเช่นนั้นเพราะว่า เปาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีน เนื่องจากเป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไชน่า เรอเนซองส์ เมื่อปี 2548 ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้ช่วยสร้างเศรษฐกิจผู้บริโภคออนไลน์ ให้กับจีน หลังจากเคยทำงานกับมอร์แกน สแตนลีย์ และ เครดิตสวิส

ไชน่า เรอเนซองส์ อยู่เบื้องหลังดีลใหญ่ ๆ หลายดีลเช่น การลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ เทนเซนต์ ใน JD.com การควบรวมกิจการของบริษัท ตี้ตี้และ ค่วยตี่ เว็บไซต์โฆษณา 58.com กับกานจี่ และดีลควบเหมยถวน กับเตียนผิง ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดส่งอาหาร

นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาในการเสนอขายไอพีโอของ JD.com และ ไขว้โฉ่ และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กของตี้ตี้เมื่อปี 2564 เปา เคยระบุในบทความเมื่อปี 2551 ว่า ไชน่า เรอเนซองส์ ติดต่อธุรกิจกับบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ชาวจีนรู้จักถึง 70%

ไชน่า เรอเนซองส์ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. ว่า ไม่สามารถติดต่อกับเปาได้หลายวันแล้ว และไม่มีข้อมูลว่าเขาหายตัวไปไหน แต่ในที่สุดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา บริษัทก็แถลงว่า เปากำลังเข้าร่วมการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ในประเทศจีน

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทจีนแถลงสาเหตุการหายตัวของผู้บริหาร แม้ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าไปช่วยสอบสวนเรื่องอะไรนอกจากระบุว่า จะให้ข้อมูลพิ่มเติมในเวลาที่เหมาะสม

มีรายงานจากสื่อจีนและต่างชาติก่อนที่บริษัทจะออกมาแถลงว่า ทางการจีนนำตัวเปาไปเมื่อต้นเดือน กุมภาพันธ์เพื่อช่วยสอบสวน คง หลิน อดีตประธานบริษัท ซึ่งถูกคุมขังเมื่อเดือน กันยายนปีที่แล้ว หลังมีการสอบสวนเกี่ยวกับการทำงานของเขาในแผนกเช่าทรัพย์สินทางการเงินของธนาคาร ICBC

ในวันที่บริษัทแจ้งว่าเปาหายตัว หุ้น ไชน่า เรอเนซองส์ ดิ่งลงเกือบ 30% แต่หลังบริษัทแถลงสาเหตุการหายตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หุ้นก็ดีดตัวกลับมาประมาณ 2.3%

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักธุรกิจจีนเคยหายตัวอย่างลึกลับและเป็นปริศนา และมีหลายคน ได้ตกอับ จากนักธุรกิจดาวรุ่งกลายเป็นดาวร่วง หรือต้องทำตัวโลว์โปรไฟล์ หรือไม่ก็ถูกจำคุกในเวลาต่อมา

จากข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส มีมหาเศรษฐีจีนเกือบครึ่งโหลได้หายตัวไประยะหนึ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาหลังจากที่มีรายงานว่าได้ขัดแย้งกับพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมีหลายกรณีที่พัวพันกับการทุจริตการเสียภาษี หรือการสอบสวนการประพฤติมิชอบอื่น ๆ

การหายตัวที่โด่งดังมาก คือ การหายตัวเป็นเวลาหลายวันเมื่อปี 2558 ของกัว ก่วงชาง ผู้ก่อตั้งกลุ่มโฟซัน ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ ของจีน

ต่อมาในปี  2560 มีการกล่าวหาว่า เสี่ยว เจี้ยนหัว มหาเศรษฐีลูกครึ่งจีน-แคนาดา ถูกลักพาตัวจากห้องพักโรงแรมในฮ่องกงโดยตำรวจนอกเครื่องแบบของจีน และถูกตัดสินจำคุก 13 ปีในข้อหาทุจริตเมื่อเดือน สิงหาคมปีที่แล้ว

ขยับขึ้นมาปี 2563 แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ก็หายหน้าหายตาไปจากสาธารณชนนานร่วมสามเดือนหลังไปวิจารณ์รัฐบาลและทางการจีนเริ่มสอบสวนเกี่ยวกับการต่อต้านการผูกขาดของอาลีบาบา จนในที่สุดอาลีบาบาต้องโดนปรับ 2,800 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังระงับการเสนอขายไอพีโอของบริษัท แอนต์ กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่ฟินเทคของอาลีบาบา ทั้งที่กำลังจะเป็นการเสนอขายไอพีโอครั้งใหญ่สุดของโลก

การรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชั่นของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เริ่มต้นด้วยการกวาดล้างการประพฤติมิชอบของบริษัทเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ จนถึงโรงเรียนกวดวิชา เมื่อราวสองปีที่ก่อนการกวาดล้างใหญ่ในครั้งนั้นทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ หายไปหลายแสนล้านดอลลาร์ และทำให้นักลงทุนหวั่นวิตกอยู่ตลอดว่าบริษัทใดจะเป็นรายต่อไปจนทำให้เกิดแรงเทขายบริษัทจีนที่จดทะเบียนในอเมริกาและฮ่องกง ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกพลอยร่วงหนักไปด้วย

ภาวนาว่าการหายตัวของเปาครั้งนี้อาจไม่ใช่สัญญาณการกวาดล้างครั้งใหญ่ต่อการประพฤติมิชอบของบิ๊กเทค และบริษัทการเงินจีนอีกครั้ง แต่ถ้าใช่ อย่างที่กังวลกันจริง เตรียมตัวเห็นกระดานหุ้นแดงฉานเหมือนสองปีที่แล้วได้เลย

Back to top button