SAWAD รับผลดีดีลซื้อคืนเงินสดทันใจ

SAWAD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 1,200.42 ล้านบาท ขยายตัว 15.88% จากไตรมาส 1/2565 แต่ลดลง 1.03% จากไตรมาส 4/2565


คุณค่าบริษัท

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 1.สินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ 37% 2.สินเชื่อจำนำทะเบียน 29% 3.สินเชื่อบ้านและที่ดินแลกเงิน 29% 4.สินเชื่อบุคคล 5%

SAWAD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 1,200.42 ล้านบาท ขยายตัว 15.88% จากไตรมาส 1/2565 แต่ลดลง 1.03% จากไตรมาส 4/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 1,212.97 ล้านบาท โดยปัจจัยลบหลักมาจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 5.2% จากไตรมาส 4/2565 สวนทางกับที่คาดจะปรับตัวลง หลังมีการปรับลด Incentive พนักงานขายและดีลเลอร์ ทำให้ Cost to Income Ratio ทรงตัวที่ 49% เท่ากับในไตรมาส 4/2565

แต่สูงขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส 1/2565 ที่ 42.2% และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองหนี้ (ECL) เพิ่มขึ้น 40.2% จากไตรมาส 4/2565 จากการเร่งปล่อยสินเชื่อใหม่ และนโยบายเพิ่มอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ให้มีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 55.9% สูงขึ้นจากไตรมาส 4/2565 ที่ 54% และเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่ 58.3% แต่ NPL ยังทรงตัวที่ 2.4% เท่ากับไตรมาส 4/2565 และลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 1/2565 ที่ 3.1% สะท้อนความสามารถในการบริหารติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยบวกหนุนคือ รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้น 8.3% จากไตรมาส 4/2565 และขยายตัว 77.2% จากไตรมาส 1/2565 หนุนจากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อรวมที่ 15.8% จากไตรมาส 4/2565 จากสินเชื่อเช่าซื้อขยายตัวดีที่ 27.2% จากไตรมาส 4/2565 (จากสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์มือ 1 เป็นหลัก)

ผู้บริหาร SAWAD มองว่า NPL ไตรมาส 2/2566 จะค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาส 1/2566 โดยสินเชื่อจะเติบโตช้าลงเล็กน้อยในไตรมาส 2/2566 อย่างไรก็ตามผู้บริหารคาดว่าอัตราส่วนหนี้เสีย (NPL ratio) จะเริ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เนื่องจาก SAWAD มีแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บหนี้เมื่อเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัว ด้านบล.กสิกรไทย คงมุมมองว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) จะสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 และ NPL ratio จะเพิ่มขึ้นเป็น 3% ณ สิ้นปี 2566 จาก 2.4% ในไตรมาส 1/2566 ขณะที่อัตราสำรองต่อหนี้สูญ (coverage ratio) จะต้องดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจาก LTV ของพอร์ตสินเชื่อที่สูงขึ้น

ดีลซื้อหุ้น 49% ของบริษัท “เงินสดทันใจ” (หรือ Fast Money : FM) จะเสร็จสิ้นในต้นไตรมาส 3/2566 และจะเป็นไตรมาสแรกที่รวมงบการเงินเข้ามา ทั้งจากขนาดของพอร์ตสินเชื่อที่จะเพิ่มเข้ามาราว 2 หมื่นล้านบาท (ช่วงที่ขายให้กับธนาคารออมสินมีพอร์ตสินเชื่อราว 7 พันล้านบาท) ซึ่งปัจจุบันคิดดอกเบี้ยที่ 15% ตามนโยบายของธนาคารออมสิน แต่ต่อไปจะเริ่มทยอยปรับขึ้นสู่ระดับ 18% นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายของ FM จะเริ่มปรับลงจากการแชร์ต้นทุนในการดำเนินงานร่วมกับ SAWAD ทำให้ผลดำเนินงานของ FM ภายใต้ SAWAD จะทยอยปรับตัวดีขึ้น

ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus สำหรับ SAWAD ระบุว่า ประมาณการรายได้รายรวมปี 2566 ที่ 15,772.18 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 5,092.78 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 52.75 บาท จาก 16 โบรกเกอร์

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 ของ SAWAD จะปรับตัวขึ้น ทั้งเมื่อเทียบไตรมาส 2/2565 และไตรมาส 1/2566 ส่วนครึ่งหลังของปี 2566 กำไรจะเร่งตัวขึ้นจากการรวมงบของ FM เข้ามาในงบการเงินรวม คาดว่าทั้งปี 2566 SAWAD จะมีกำไรสุทธิ 5,524 ล้านบาท โต 23.4% จากปี 2565 ตามประมาณการเดิม

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น SAWAD ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 27 มิ.ย. 2566 ที่ 46.50 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 13.76 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 16.97 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น SAWAD อยู่ที่ 2.38 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 1.83 เท่า

X
Back to top button