JAS ชีพจรปันผล.!?

ในระหว่างที่ JAS ขอแก้ไขสัญญาค่าเช่าระหว่าง TTTBB หรือที่รู้จักในชื่อ 3BB กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF นั้น...


ในระหว่างที่บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ขอแก้ไขสัญญาค่าเช่าระหว่างบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จํากัด (มหาชน) หรือ TTTBB หรือที่รู้จักในชื่อ 3BB กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF นั้น…

แต่ที่ใกล้เข้ามาอีกนิด…ชิด ๆ เข้ามาอีกหน่อย เห็นจะเป็นดีลบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ซื้อเหมาเข่ง 3BB และหน่วยลงทุน JASIF มูลค่ารวม 32,420 ล้านบาท ก็ใกล้งวดเข้ามาทุกที ซึ่งตามไทม์ไลน์แค่รอสัญญาณไฟเขียวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เท่านั้น คาดภายในไตรมาส 3/2566 น่าจะมีความชัดเจนสักที..!!

เอ๊ะ..!! ถ้าดีลนี้ใกล้จบ หรือปิดดีลได้เร็ว ๆ นี้จริง ก็น่าไปจับสัญญาณชีพจร JAS ดูสักหน่อย..!?

ด้วยเม็ดเงินที่ได้มากว่า 32,420 ล้านบาท แต่หลังจากหักโน่นนี่นั่นไปแล้ว JAS คาดว่าจะเหลือเงินสดราว 19,230 ล้านบาท

สิ่งที่น่าสนใจ ถูกโฟกัสไปที่ JAS จะจ่ายปันผลพิเศษหรือเปล่า..?

สารตั้งต้นที่ทำให้มองกันอย่างนี้ ถ้ายังจำกันได้ ตอนที่ JAS ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF ก็ตามมาด้วยการปันผลพิเศษนะ และมีการปันผลต่อเนื่องมาทุกปี จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหุ้น JAS ไปซะแล้ว…

อ้อ…เพิ่งจะมาหยุดจ่ายปันผลก็ช่วง 1-2 ปีมานี้เองนะ…เนื่องจากติดกับดักมาตรฐานทางบัญชีใหม่ จนทำให้พลิกมาขาดทุนหลายไตรมาสติดต่อกัน ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 งบรวมของ JAS มีตัวเลขขาดทุนสะสมยังไม่ได้จัดสรรปาไป 14,889.12 ล้านบาท

แต่ถ้าไปส่องงบเดี่ยว หรืองบเฉพาะกิจการ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 ยังมีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรสูงถึง 5,438.11 ล้านบาทเชียวนะ

นั่นหมายความว่า ถ้า JAS จะจ่ายปันผลพิเศษก็สามารถทำได้ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด..!!

ตอกย้ำด้วยความจำเป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ JAS อย่าง “พิชญ์ โพธารามิก” ที่มีภาระผูกพันกับสถาบันการเงินใหญ่แห่งหนึ่ง วงเงิน 4.25 หมื่นล้านบาท ในการซื้อหุ้นคืนเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นใช้เงินไปราว 2 หมื่นล้านบาท…

โอเค…ระหว่างทางคงมีการชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน แต่ก็ไม่มีใครรู้ชัดว่า “พิชญ์” มีภาระหนี้เหลืออีกเท่าไหร่น่ะสิ..?

ถ้าหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ชั้นปฐมมาลองบวกลบคูณหารดู…บนสมมติฐานที่ว่า “พิชญ์” ยังมีภาระหนี้อีก 15,000 ล้านบาท ถ้าจะใช้เงินปันผลเพื่อนำไปชำระหนี้ทั้งหมดของสถาบันการเงิน ก็น่าจะต้องจ่ายปันผลที่ 3.26 บาทต่อหุ้น หรือถ้าภาระหนี้ของ “พิชญ์” เหลือราว 10,000 ล้านบาท ก็น่าจะต้องจ่ายปันผลที่ 2.17 บาทต่อหุ้นนะ…

งานนี้ผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ก็พลอยได้ประโยชน์ไปด้วย…

แต่ต้องบอกก่อนว่า นี่เป็นเพียงการสมมุตินะสมมุติ…ยังไม่ใช่ของจริงหรอก แต่รู้นะว่า นักลงทุนแอบหวังกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ…ยอมรับมาซะดี ๆ..!!

ส่วนของจริงจะออกมาเท่าไหร่..? ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้

แต่เดี๋ยวก็จะได้รู้กัน..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button