ของปลอมทำเหมือน???แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

ทันทีทันควันเช่นกัน แล้วก็กลายเป็นกระแสทำนองเดียวกัน เมื่อธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ตัดสินใจเข้าถือหุ้นบริษัทเหล็กขนาดกลางปลายน้ำอย่าง บริษัท มิลคอน จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ที่มีเสี่ยหมู หรือ สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล หลานรักหัวแก้วหัวแหวน ของสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล


ทันทีทันควันเช่นกัน แล้วก็กลายเป็นกระแสทำนองเดียวกัน เมื่อธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ตัดสินใจเข้าถือหุ้นบริษัทเหล็กขนาดกลางปลายน้ำอย่าง บริษัท มิลคอน จำกัด (มหาชน) หรือ MILL ที่มีเสี่ยหมู หรือ สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล หลานรักหัวแก้วหัวแหวน ของสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล

เลียนแบบตามรอย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่ตัดสินใจล่าสุดเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ GUNKUL เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 41.50 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 24 บาท 

รายละเอียด แจ้งในคำชี้แจงของ MILL ต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2558 ได้มีมติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.14% ของหุ้นเดิม โดยขายเฉพาะเจาะจงให้กับ BBLในราคาเสนอขายหุ้นละ1.40 บาท  ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดเล็กน้อย โดยเป็นราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักต่อหุ้นของหุ้นสามัญ ของบริษัทโดยราคาเสนอขายคำนวณจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญ ของบริษัทย้อนหลัง เป็นระยะเวลา 7 วันทำการติดต่อกัน

เท่ากับงานนี้ BBL เปลี่ยนสภาพจากเจ้าหนี้-ที่ปรึกษาการเงิน มาเป็นผู้ถือหุ้น ทำนองเดียวกันกับ SCB ที่เข้าถือหุ้น GUNKUL นั่นเอง แต่…ความคล้ายกันของสูตร ไม่ได้หมายความว่าเนื้อหาจะเหมือนกัน

เหตุผลคือ ธุรกิจของ GUNKUL เป็นขาขึ้น แต่ของ MILL กำลังเป็นขาลง

ด้วยเนื้อหา…ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว

แต่…แต่…ขอความกรุณาอย่าบอกว่าเป็นของปลอมทำเหมือน …มันว่าเกินไป

เอาเป็นว่าไม่เหมือนกันก็หอมปากหอมคอก็แล้วกัน

ในเชิงธุรกิจอย่างที่รู้กัน ราคาเหล็กทั่วโลกกำลังดิ่งเหว เพราะจีนทุ่มตลาดออกมาปีนี้ปีเดียว 100 กว่าล้านตัน และยังมีต่อไปอีกนานหลายปี เพราะธุรกิจจีนต้องการใช้ในประเทศลดลงเยอะ

ขาลงของธุรกิจเหล็กจึงยังไม่ถึงจุดต่ำสุด ไม่เห็นก้นเหว และไม่รู้เมื่อไหร่จะถึง

สำหรับ MILL ผลประกอบการย่ำแย่มา 2 ปีติดต่อกันในปี 2556-2557 ขาดทุนเป็นปกติ ตามขาลงธุรกิจ แม้ว่าจะมีส่วนผู้ถือหุ้นเหลือเยอะกว่า 5 พันล้านบาท แต่ภาระหนี้ที่ทำให้ค่าดี/อี มากกว่า 2.6 เท่า ก็ไม่ใช่ธรรมดาหรือไม่น่าห่วง

แม้ปีนี้ 9 เดือนแรก MILL จะมีตัวเลขกำไรสุทธิ แต่ก็ไม่ใช่กำไรจากการดำเนินงาน หากเป็นกำไรพิเศษ เพราะขายที่ดิน 175 ไร่ ให้กับ GEL ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท

ใครก็รู้อยู่ว่า GEL นั้นมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ เสี่ยหมูน่ะเอง ดังนั้น การขายที่ดินเป็นรายได้พิเศษ ก็เป็นการย้ายเงินจากกระเป๋าแม่ไปใส่กระเป๋าลูกเท่านั้น…เล่นไม่ยาก

เรื่องอย่างนี้ เจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้มานานหลายทศวรรษอย่าง BBL มีหรือจะไม่รู้

แต่ก็อย่างว่า ผู้บริหาร BBL (ที่เพิ่งถูกลดน้ำหนักลงทุนจาก MSCI มาหมาดๆ) อาจจะมีมุมมองระดับ ตาวิเศษ เห็นก้อนกรวดเป็นอัญมณีที่รอเจียรนัย ก็ได้…ใครจะรู้

แน่นอนว่า การจ่ายเงินสดเข้าซื้อหุ้น ไม่อาจตีความว่าเป็นการแปลงหนี้เป็นทุนเด็ดขาด แต่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่…ไม่อาจเอื้อมตอบแทนได้ เพราะเรื่องนี้ มีแต่เสี่ยหมู บอร์ดของ MILL และ BBL เท่านั้น ที่จะมองเห็นอนาคตจากการแปลงสภาพเป็นผู้ถือหุ้นของBBL ครั้งนี้

ที่แน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย คือ งานนี้ MILL ได้ประโยชน์เกินคุ้ม เพราะมีทั้งขายหุ้นสูงกว่าพาร์และราคาตลาด กับได้พาร์ตเนอร์มาการันตีความมั่นคงว่าแบ็กเหนียวกว่าระดับบิ๊กโฟร์ ของทีมฟุตบอลที่ว่าเหนียวสุดในโลก

ส่วนBBL จะได้อะไร… ยากจะมีคำตอบ เพราะคงจะไม่หวังปันผลในระยะสั้นแน่นอน เนื่องจากยังไม่มีอีกนานหลายปี

หรือจะได้อะไรพิเศษ ยิ่งตอบยากเข้าไปใหญ่

ก็หวังแค่ว่า ถือหุ้นนิดหน่อย แล้วดึงขนหน้าแข้งมาจ่ายเงินแค่ 420 ล้านบาทซื้อหุ้น คงไม่ทำให้ใครทะลึ่งมาลดน้ำหนักลงทุนหุ้น BBL เพิ่มเติมอีก…อิอิอิ

Back to top button