กู้เงินมาแจก

ในที่สุดก็เป็นความจริงตามคาด เมื่อรัฐบาลตัดสินใจว่าจะต้องกู้เงินอีกประมาณ 5.5 แสนล้านบาทเอามาแจกให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป


ในที่สุดก็เป็นความจริงตามคาด เมื่อรัฐบาลตัดสินใจว่าจะต้องกู้เงินอีกประมาณ 5.5 แสนล้านบาทเอามาแจกให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุเกิน 18 ปีขึ้นไปโดยไม่เลือกว่าจะลงคะแนนให้พรรครัฐบาลหรือไม่

วิธีการดังกล่าวกระทำโดยแจกเงินแบบให้เปล่าเพื่ออ้างว่าต้องการกระตุ้นกำลังซื้อให้กับตลาดในประเทศแบบทันควัน

การแจกเงินสดคราวนี้มีเขตจำกัดอายุการใช้สิทธิของประชาชนไว้เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้นโดยผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหรือประตูเงินสดดิจิทัล โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการคอรัปชั่น โดยผู้ได้รับสิทธิสามารถนำไปซื้อสินค้าในท้องถิ่นจากร้านที่ได้รับการคัดเลือกเท่านั้น

ถึงแม้วิธีการยังไม่ชัดเจนนับตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการซึ่งมีแนวโน้มว่ารัฐบาลจะคัดเลือกร้านค้าที่เข้าร่วมระบบ VAT เท่านั้น ซึ่งมักเป็นร้านค้าขนาดใหญ่มากกว่าร้านค้าขนาดเล็กที่ไม่ได้เข้าร่วม VAT ทำให้เป้าหมายสนับสนุนร้านค้าชุมชนถูกบิดเบือนไป

ประเด็นปัญหาที่ตามมาสองประเด็นหลักคือ

1.ประชาชนถูกดึงเข้าระบบเงินดิจิทัลโดยผู้รับประโยชน์เต็ม ๆ คือธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย

2.เงินสดที่จะนำมาแจกนั้นจะมาจากไหนเพราะรัฐบาลมีงบประมาณเหลือไม่มากในแต่ละปีไม่พอที่จะนำมาแจกประชาชนแบบทันควันถึง 5.5 แสนล้านบาท

สำหรับคำตอบแรกต้องเข้าไปดูว่า Digital Wallet คืออะไรและทำงานอย่างไร?

กระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ e-wallet เป็นโซลูชันทางการเงินแบบเติมเงินที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการการเงินของตนได้ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว

ด้วยเหตุนี้ลูกค้าจึงต้องฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อเริ่มต้นใช้งานโซลูชันกระเป๋าเงินดิจิทัล เมื่อเติมเงินในบัญชีของตนผ่านวิธีการชำระเงินของผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งลูกค้าสามารถใช้ e-wallet เพื่อเก็บเงินหรือโอนเงินให้ผู้ใช้รายอื่นหรือชำระค่าสินค้าที่ร้านค้า เมื่อเงินอยู่ในบัญชีของผู้ใช้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลจะใช้เครือข่ายภายในของตนเองสำหรับการโอนเงินและการชำระเงินบนแพลตฟอร์ม เป็นผลให้ e-wallet มีธุรกรรมภายในที่ราคาไม่แพงและ (เกือบ) ทันที

ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงโซลูชันกระเป๋าเงินดิจิทัลโดยปกติผ่านแพลตฟอร์มเว็บ (หรือแอปพลิเคชันเดสก์ท็อป) และแอปสมาร์ตโฟน

สิ่งสำคัญคือต้องระบุว่าผู้ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลสามารถบันทึกรายละเอียดทางการเงินและรายละเอียดส่วนตัวในแอปเพื่อให้กรอกแบบฟอร์มอัตโนมัติในระหว่างการชำระเงิน

ส่วนคำตอบของข้อที่สอง ทุกคนกลัวว่ารัฐจะก่อหนี้จนประเทศพังพินาศ ซึ่งในทางทฤษฎียังมีข้อถกเถียงกันอยู่มาก ฝ่ายที่คัดค้านการก่อหนี้ของภาครัฐมีมุมมองในเชิงลบว่ารัฐบาลไม่ควรก่อหนี้สาธารณะ เพราะหนี้สาธารณะนั้นจะนำมาซึ่งความสูญเสียเสถียรภาพทางการคลังและการเงินของประเทศ ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้ประเทศเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน

ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนรวมทั้งสำนักบริหารหนี้ภาครัฐ (สบน.) มองว่าทัศนคตินี้ไม่เป็นจริงเสมอไปหากรัฐบาลมีการบริหารจัดการสภาพคล่องของรัฐให้ดี มีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินที่เหมาะสม และรักษาสัดส่วนหนี้ในประเทศและต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากหนี้ในประเทศมีความยืดหยุ่นในการบริหารและความเสี่ยงต่ำกว่าหนี้ต่างประเทศ เพราะรัฐบาลที่มีอำนาจรัฐสามารถเจรจากับเจ้าหนี้ ซึ่งอยู่ใต้อำนาจรัฐได้ ทั้งยังสามารถหลีกเลี่ยงความผันผวนของค่าเงิน ตลอดจนสถานการณ์ของโลก นอกจากนี้ความสามารถในการบริหารสภาพคล่องและหนี้สาธารณะ ยังเป็นปัจจัยสำคัญ ต่อการยกอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศสามารถจัดหาแหล่งทุนจากต่างประเทศได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง

การผิดนัดชำระหนี้สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้สาธารณะต่างประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เนื่องจากอาจนำมาซึ่งการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวม ทำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วแย่ลงไปอีก ดังนั้นเมื่อประเทศเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ หรือบริหารสภาพคล่องไม่ทัน วิธีที่นิยมคือการขอกู้เงินจากแหล่งใหม่เพื่อไปใช้หนี้แก่เจ้าหนี้รายเก่าหรือรีไฟแนนซ์ อย่างไรก็ตาม การกู้เงินจากแหล่งใหม่โดยเฉพาะจากต่างประเทศในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ มักจะถูกฝ่ายผู้ให้กู้ตั้งเงื่อนไขที่เป็นพันธสัญญาให้รัฐบาลผู้ขอกู้ต้องปฏิบัติตาม อาทิ มาตรการรัดเข็มขัด (ลดรายจ่าย)

ข้อเท็จจริงในปัจจุบันคือหนี้ภาครัฐนั้นมีสัดส่วน 45% ของจีดีพี. ซึ่งช่วยยืนยันได้ว่ารัฐบาลยังสามารถก่อหนี้ได้เพิ่มอีกแม้จะสูงถึง 5.5 แสนล้านบาทก็ตาม เพราะเมื่อเทียบกับปี 2552 ที่ประเทศไทยเคยมีหนี้ภาครัฐมากถึง 64% ของจีดีพี

ประเด็นปัญหาคือ การก่อหนี้ภาครัฐโดยกระทรวงการคลังออกพันธบัตรเงินกู้อายุ 10 ปี ก็คงจะมีสถาบันการเงินอาทิเช่น ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันชีวิต รวมทั้งกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่จะออกมาช่วยกันซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพราะถือว่าสามารถนำพันธบัตรรัฐบาลไปขึ้นบัญชี Tier2 ได้อย่างสบาย ทำให้การบริหารเงินก้อนนี้ของรัฐบาลมีสภาพคล่องดีหากทำให้จีดีพีของประเทศดีขึ้นจริง

นี่เป็นเพียงข้อโต้แย้งทางทฤษฎีของหนี้ภาครัฐเท่านั้น และผู้บริหารพรรคเพื่อไทยที่ผลักดันมาตรการนี้ออกมาคงจะมีความมั่นใจมากเป็นพิเศษและหวังว่านี่จะเป็นการซ้ำรอยเดิมของพรรคไทยรักไทยที่ใช้เวลาเพียง 2 ปีในการล้างหนี้เงินกู้ IMF ได้หมดจากการบริหารหนี้ด้วยการนำรัฐวิสาหกิจแปรรูปเข้ามาเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในขบวนการ Privatization เช่นบริษัท ปตท. บริษัท การท่าอากาศยานไทย และ อสมท. ซึ่งช่วยลดภาระภาครัฐลงไปมาก  ปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจที่พร้อมจะแปรรูปเป็นบริษัทเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกมากมาย เช่น ไปรษณีย์ไทย และ CAT Telecom และ TOT รวมทั้งการไฟฟ้านครหลวง กับการไฟฟ้าภูมิภาค ที่แต่งตัวรอไว้แล้ว เป็นต้น

ความมั่นใจของผู้บริหารพรรคเพื่อไทยในการเล่นแร่แปรธาตุเศรษฐกิจไทยยังต้องการเวลาในการพิสูจน์  ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นพรรคนี้อาจจะไม่เหลือซากเพราะถูกทำรัฐประหารไปเสียก่อนก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลานั้นพรรคนี้ก็สามารถปฏิเสธความรับผิดแต่ขอรับชอบเพียงอย่างเดียว

Back to top button