ตัวเลขไม่เคยหลอกใคร

ข่าวดังในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมามีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องใหญ่ ๆ ก็คือ ผู้ถือหุ้นกู้รวมตัวฟ้องเอาผิด JKN และเรื่องขบวนการหมูเถื่อนที่ถูกเช็กบิล รวมถึงความคืบหน้าคดี STARK ที่สร้างความเสียหายในวงกว้าง ซึ่งแต่ละเรื่องที่เอ่ยถึงล้วนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตลาดหุ้นไทยเต็ม ๆ หลังเรื่องราวดังกล่าวชี้ให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริหารในยุคนี้ส่อไปในทางฉ้อฉลไงล่ะคะ


ข่าวดังในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมามีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องใหญ่ ๆ ก็คือ ผู้ถือหุ้นกู้รวมตัวฟ้องเอาผิด JKN และเรื่องขบวนการหมูเถื่อนที่ถูกเช็กบิล รวมถึงความคืบหน้าคดี STARK ที่สร้างความเสียหายในวงกว้าง ซึ่งแต่ละเรื่องที่เอ่ยถึงล้วนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตลาดหุ้นไทยเต็ม ๆ หลังเรื่องราวดังกล่าวชี้ให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริหารในยุคนี้ส่อไปในทางฉ้อฉลไงล่ะคะ

งานนี้ใครจะถูก ใครจะผิด ก็ต้องต่อสู้กันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ที่แน่ ๆ คือ บรรดาแมงเม่าได้ตัดสินในเบื้องต้นไปแล้วว่า ตัวเองโดนโกงล้านเปอร์เซ็นต์ จึงรวมตัวเพื่อลุกฮือทวงความเป็นธรรมให้กับตนเอง “โมนิก้า” ในฐานะคนกลางที่ติดตามเรื่องราวต่าง ๆ จึงขอเป็นกำลังใจให้กับนักลงทุนทุกราย เพื่อช่วยกันลากคอบรรดาพ่อมดแม่มดมาลงโทษให้ได้โดยเร็วนะตัวเอง

ส่วนบรรยากาศตลาดหุ้นคงไม่มีอะไรตื่นเต้นอีกต่อไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ชี้ชัดว่า สถานการณ์ต่าง ๆ แย่ลงกว่าเดิม จนมองไม่เห็นลู่ทางที่จะฟื้นตัวในระยะเวลาอันใกล้แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องเตรียมใจรับแรงกระแทกที่จะออกมาเป็นระลอก เดี๊ยนเลยมองไม่เห็นความจำเป็นในการถือหุ้นต่อไป เพราะมันไม่มีอะไรที่ทำให้ชื่นใจเลยสักอย่างน่ะซี

ยิ่งเห็นดัชนีพยายามยื้อสุดชีวิตในแต่ละวัน แต่สุดท้ายจบลงด้วยฝรั่งขายหุ้นทุกที จนยอดขายสุทธินับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันทะลุเพดานขึ้นไปถึง 1.85 แสนล้านแบบนี้ไงเล่า “โมนิก้า” ถึงกล้าฟันธงว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,397.43 จุด ลบไป 9.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.28 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่จุดสำหรับการรับของอย่างแน่นอน ยิ่งหุ้นร่วงต่อเนื่อง 3 วันติดท่ามกลางข่าวร้ายมากมาย ยิ่งเป็นแรงกดทับตลาดหุ้นไทยมากขึ้นเท่านั้น

โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคไทยสร้างไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องประธาน กกพ. พร้อมพวกอีก 4 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาที่ทำให้ค่าไฟแพง ซึ่งเป็นผลมาจากสัดส่วนการผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ก๊าซธรรมชาติมีมาก  53% และมีการทำสัญญาซื้อขายไฟระหว่างเอกชนกับ กฟผ. มากเกินความจำเป็น และทำให้รัฐเสียเปรียบ เพราะสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของรัฐต่ำกว่า 51% ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนะจะบอกให้

ประเด็นดังกล่าวทำให้หุ้นไฟฟ้าร่วงกันเป็นแถว เพราะในคำฟ้องดังกล่าวต้องการให้รื้อลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ช่วงปี 63-80 ที่มีอยู่เป็นจำนวน 56,431 เมกะวัตต์นั้น “โมนิก้า” ถือเป็นวิบากกรรมของหุ้นกลุ่มนี้เต็ม ๆ และคนที่ต้องออกมาตอบสังคมให้สิ้นสงสัยก็คือ กกพ. แถมทุกวันนี้ผู้คนมากมายก็สงสัยในพฤติกรรมของหน่วยงานนี้มากขึ้นทุกที จึงไม่ควรหลบหน้าอีกต่อไปนะตัวเอง

คล้ายกับข่าวฉาวที่เกิดขึ้นประธานของบริษัท TH ก็ยังมีประเด็นให้ผู้คนสงสัยไม่เลิกเหมือนกันว่า บริษัทจะทำอย่างไรกับประธาน? ในเมื่อเข้าไปเอี่ยวกับขบวนการหมูเถื่อนที่คนทั้งประเทศจับตามอง แต่ดูเหมือนไม่มีฟีดแบคจากบริษัทออกมาเลยแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นหุ้นต้องห้ามที่นักเล่นไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะไม่รู้ว่า เรื่องราวดังกล่าวจะพัวพันมาถึงบริษัทขนาดไหน?

ส่วนรายที่เหมือนจะดี แต่ก็ไม่ดีเสียอย่างนั้น “โมนิก้า” คงมองไปที่พ่อดอกมะลิ JAS หลังมีแรงขายออกมาหลายวันติด จนล่าสุดหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 1.83 บาท ลบไป 0.19 บาท หรือลงไป 9.41% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 192.73 ล้านบาทแบบนี้ มันตีความได้อย่างเดียวว่า บริษัทไม่เหลือธุรกิจที่ทำเงิน จึงไม่มีใครอยากเสี่ยงเข้าไปลงทุนเพื่อลุ้นรับเงินปันผลก้อนโตเพียว ๆ หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เหลือแต่กระดอง..อิอิอิ

ตบท้ายกันที่หุ้น BYD ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีโรบอทเทรดเยอะสุดตัวหนึ่งกันดีกว่า และเหตุผลที่อยากจะเม้าท์ถึงก็เป็นเรื่องราคาหุ้นแกว่งเหลือเกิน จึงอยากจะเตือนนักเล่นที่ “คิดช้า ทำช้า” อย่าเข้าไปเสี่ยงกับหุ้นตัวนี้ เพราะมองจากมุมไหน ด้านไหน ก็ไม่มีทางชนะอย่างแน่นอน ผนวกกับหุ้นทรุดตัวแรงอีกครั้ง เลยสงสัยใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 4.78 บาท ลบไป 0.37 บาท หรือลงไป 7.18% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 176.34 ล้านบาท เป็นจุดเริ่มต้นของการลงยาวน่ะซี

Back to top button