MODERN มีดีที่ปันผล

–คุณค่าบริษัท–

 

เวลาตลาดหุ้นผันผวน สิ่งที่ดีที่สุด คือการค้นหาหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเป็นหลัก หนึ่งในบริษัทดังกล่าวเป็น บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนมาอย่างต่อเนื่อง ดูจากช่วง 4 ปีที่ผ่านมา 2544-2557 หุ้นตัวนี้มีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 8.77% บ้าง 5.84% บ้าง 5.55% บ้าง และ 5.58% บ้าง ตามลำดับ

ขณะที่ในปี 2558 MODERN มีการประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษจากการขายหุ้น TPAC จำนวน 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งขึ้นมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้วในช่วงวันที่ 25 พ.ย. 58 ถือเป็นผลพลอยได้สำหรับผู้ถือหุ้น และเชื่อว่าปีนี้ บริษัทมีกาจ่ายปันผลดีต่อ เพราะสถานะการทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยสถานะเงินสดสุทธิ (net cash) ไม่มีภาระหนี้สิน รวมทั้งกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลระดับสูงต่อเนื่องซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 6.9% ต่อปี

นับว่าเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีการจ่ายปันผลที่ดี!

ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 4 จากการส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าคาดจะดีขึ้นจาก 1) Backlog ที่ยังอยู่ระหว่างการรอส่งมอบให้ลูกค้าประมาณ 2.9 พันล้านบาท 2) การขยายธุรกิจไปยัง AEC ทั้งการจัดตั้งดีลเลอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน และการค้าบริเวณชายแดน โดยมีแผนที่จะตั้งโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าในเขตชายแดน และ 3) ความร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ ITOKI ในการขยายเข้าตลาดต่างประเทศ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ตู้นิรภัย ซึ่งน่าจะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ของบริษัทได้ในอนาคต

นอกเหนือจากนี้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์สำนักงานและที่อยู่อาศัย MODERN ยังตั้งเป้าที่จะเป็น Holding Company โดยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เพื่อสุขภาพและเครื่องมือแพทย์มากยิ่งขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจนี้มีทั้งการจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แพทย์ อาทิ เตียงผู้ป่วย

อีกทั้งยังมีการให้บริการเป็น Service provider ให้กับโรงพยาบาล ซึ่งจะดูแลครบวงจร เช่น การจัดทำห้องผ่าตัด ซึ่งบริษัทได้มีการทำให้กับโรงพยาบาลสมิติเวชแล้ว และยังมีแผนที่จะขยายเข้าสู่ตลาดอื่นๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งตลาดโรคเฉพาะทาง อุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ซึ่งธุรกิจนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวของบริษัท แม้ว่าในช่วงแรกจะมีรายได้ในสัดส่วนไม่มากนัก แต่ในระยะยาวจากกระแสเรื่องสุขภาพน่าจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,479.60 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,490.64 ล้านบาท แต่บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 117.82 ล้านบาท หรือ 0.16 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 115.04 ล้านบาท หรือ 0.15 บาทต่อหุ้น เนื่องจากอัตรากำไรสำหรับโครงการบางโครงการเพิ่มขึ้นและการบริหารควบคุมต้นทุนดีขึ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมลดลงเหลือ 4,134.20 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,511.70 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลงเหลือ 279.57 ล้านบาท หรือ 0.37 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 691.18 ล้านบาท หรือ 0.92 บาทต่อหุ้น แม้ว่ากำไรของบริษัทจะลดลง แต่บริษัทยังมีการจ่ายปันผลดีอยู่

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินพบว่า บริษัทมีฐานะทางการเงินพอสมควร เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 3,175.01 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 1,774.94 ล้านบาท ได้ค่า Current ratio อยู่ที่ 1.79 เท่า บริษัทมีสภาพคล่องที่ดี ส่วนหนี้สินของบริษัทไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งมีหนี้สินรวมเพียง 2,044.52 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 2,958.22 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ 0.70 เท่า ถือว่าหนี้สินของบริษัทไม่น่ากังวล

สิ่งสำคัญ นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาทต่อหุ้น

…

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED, FUND SERVICES DEPARTMENT 46,174,300 หุ้น 6.16%

2.นางชุลีวรรณ วิวัฒนาเกษม 34,101,840 หุ้น 4.55%

3.กองทุนเปิด กรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล 29,284,200 หุ้น 3.90%

4.นายกวีวุฒิ เนื่องจำนงค์ 27,504,000 หุ้น 3.67%

5.นายโยธิน เนื่องจำนงค์ 25,746,420 หุ้น 3.43%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย เจริญ อุษณาจิตต์ประธาน กรรมการ

2.นาย ทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร

3.นาย ทักษะ บุษยโภคะกรรมการ

4.นาย ชัชชัย ธรรมารุ่งเรือง รองประธานกรรมการ

5.นาย พัฒนะ อุษณาจิตต์ กรรมการผู้จัดการ