กลยุทธ์ลงทุนเน้นตั้งรับ หลัง SET ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง

InnovestX มองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณมากขึ้นว่าฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี US Flash PMI เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน


InnovestX มองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณมากขึ้นว่าฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี US Flash PMI เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยเฉพาะคำสั่งซื้อและมาตรวัดด้านต้นทุน ขณะที่ US Manufacturing PMI ก็ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 15 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นหลังสินค้าคงคลังหมดลง ซึ่งสอดคล้องกับการใช้จ่ายของประชาชนที่วัดจากยอดค้าปลีกที่ดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม InnovestX มองว่า สาเหตุที่ภาคการผลิตกลับมาผลิตเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพื่อเติมสินค้าคงคลังที่หมดลง จึงต้องจับตาว่า ความต้องการสินค้าจะดีขึ้นอย่างถาวรจนทำให้ภาพการผลิตฟื้นตัวยั่งยืนหรือไม่ อย่างไรก็ตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐนี้ ทำให้เป็นไปได้มากขึ้นที่ Fed จะยังคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค.  ในส่วนของจีน 

InnovestX มองว่า การที่ผู้ว่าฯ ธ.กลางจีนส่งสัญญาณว่าจะลดอัตรากันสำรอง ธ.พาณิชย์ (RRR) ณ 5 ก.พ. ซึ่งจะเพิ่มสภาพคล่องอีก 1 ล้านล้านหยวน แต่ยังไม่ปรับ ณ ขณะนี้นั้น บ่งชี้ว่า ทางการไม่ต้องการที่จะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางประสิทธิภาพนโยบายการเงินที่ลดลง เห็นได้จากการเติบโตของสินเชื่อและปริมาณเงินชะลอลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ InnovestX มองว่ารัฐบาลจะหันไปเน้นนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น InnovestX มองว่า ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังมีแรงกดดันจากความกังวลผลประกอบการไตรมาส 4/66 ของ บจ. ที่อาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้ 

1) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH, AP, BCP, KTB, PTT และ TTB   

2) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC, AOT, BDMS และ TISCO  

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL, BDMS, BEM, CPALL, PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง 

ขณะที่ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการไตรมาส 4/66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC, HMPRO, GLOBAL, CRC, ZEN, CPF, BTG, ONEE, AWC และ SIRI ส่วนระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตร ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC, SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT, STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF, GFPT, BTG)

Back to top button