ONEE ผลัดใบหุ้นใหญ่.!

ที่ผ่านมา หลายคนน่าจะพอรู้ว่า “กลุ่มปราสาททองโอสถ” นอกจากจะเป็นเจ้าของ บางกอกแอร์เวย์ส โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลในเครืออีกหลายแห่งแล้ว ยังเป็นเจ้าพ่อสื่อทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ PPTV36 และ ONE 31


ที่ผ่านมา หลายคนน่าจะพอรู้ว่า “กลุ่มปราสาททองโอสถ” ของ “หมอเสริฐ” ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ นอกจากจะเป็นเจ้าของสายการบินบูทีค “บางกอกแอร์เวย์ส” โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลในเครืออีกหลายแห่งแล้ว ยังเป็นเจ้าพ่อสื่อทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ ช่อง PPTV36 ที่ลงทุนผ่านบริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติง จำกัด และช่อง ONE 31 ลงทุนผ่านบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE อีกด้วย

ในส่วนของช่อง ONE 31 เดิมทีมีบริษัท ประนันท์ภรณ์ จำกัด ของ “หมอปุย” ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ (ลูกสาวหมอเสริฐ) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 50% แต่หลังจาก ONEE เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปลายปี 2564 ก็เปลี่ยนมาเป็น “หมอปุย” ถือหุ้นโดยตรงสัดส่วน 25.05% เป็นรองแค่บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ที่ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 25.09%

ว่าไปแล้ว ก็เหมือน “กลุ่มปราสาททองโอสถ” เหยียบเรือสองแคมมาโดยตลอด ซึ่งในความเป็นจริงควรจะมีแค่ช่องเดียวหรือเปล่า..? จะได้มีความชัดเจนในการบริหารจัดการ

แต่ถ้าดูจากน้ำหนักที่ให้ จะเน้นไปที่ช่อง PPTV36 มากกว่านะ ซึ่งชัดเจนว่าเป็นช่องของ “กลุ่มปราสาททองโอสถ” เห็นได้จากโฆษณาของช่อง PPTV36 ที่ส่วนใหญ่เป็นโฆษณาจาก “กลุ่มปราสาททองโอสถ” ไม่ว่าจะเป็นสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และโรงพยาบาลในเครือ ในขณะที่ช่อง ONE 31 แทบไม่เห็นโฆษณาของ “กลุ่มปราสาททองโอสถ” เลย

มิหนำซ้ำ สีของช่อง PPTV36 ใช้สีฟ้าสีเดียวกับสีของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส แถมออฟฟิศอยู่ใกล้กันอีกต่างหาก…

ทำให้ถูกตั้งคำถามมาโดยตลอดว่า ช่อง ONE 31 จะเอายังไง..??

สุดท้ายก็ได้คำตอบ เมื่อมีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เกี่ยวกับการขายหุ้นของ “หมอปุย” ซึ่งเทขายหุ้น ONEE เกลี้ยงพอร์ต จำนวน 596.50 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.0498% ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 3.80 บาท คิดเป็นมูลค่า 2,266.70 ล้านบาท

ก็ชัดเจนว่า “กลุ่มปราสาททองโอสถ” ไม่เอาแล้ว…พอแล้วกับช่อง ONE 31..!!

และชัดเจนอีกอย่างว่า งานนี้ “หมอปุย” รับเละ..!! ฟันกำไรไปไม่น้อยกว่า 1,073.70 ล้านบาท เนื่องจากมีต้นทุนหุ้น ONEE เพียง 2 บาท (คำนวณจากราคาพาร์) ทำให้มีกำไรส่วนต่างจากราคาหุ้นครั้งนี้ 1.80 บาทต่อหุ้น

ส่วนคนมารับไม้ต่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “แอมป์” พิธาน องค์โฆษิต ไฮโซหนุ่ม ปัจจุบันนั่งซีอีโอและถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ซึ่งหลายคนน่าจะรู้จักดีผ่านทางสื่อบันเทิงและแวดวงธุรกิจ

โดยการซื้อหุ้น ONEE ครั้งนี้ แบ่งซอยเป็น 2 ก้อน…ก้อนแรกจำนวน 353.37 ล้านหุ้น คิดเป็น 14.84% “แอมป์” พิธาน ซื้อในนามส่วนตัว ส่วนอีกก้อนจำนวน 238.12 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% มีบริษัท วันทอง โฮลดิ้งส์ จำกัด (วันทอง โฮลดิ้งส์) เป็นคนซื้อ ซึ่งก็คือบริษัทของ “แอมป์” พิธาน นั่นแหละ

แหม๊…จะแบ่งซื้อให้ยุ่งยากทำไมกันเนี่ย..??

อ้อ…ที่แท้มันมีที่มาที่ไป เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้น ONEE ครั้งนี้ “แอมป์” พิธาน กับ GRAMMY มีสัญญาใจกันว่า ในอนาคต GRAMMY จะรับเซ้งต่อ “วันทอง โฮลดิ้งส์” พร้อมรับโอนภาระหนี้เงินกู้ที่มีต่อ “แอมป์” พิธาน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 960.17 ล้านบาท

นั่นเท่ากับว่า GRAMMY ก็จะถือหุ้น ONEE เพิ่มขึ้นอีก 10% ผ่าน “วันทอง โฮลดิ้งส์” รวมกันเป็น 35.09% จากเดิมถืออยู่ที่ 25.09%

ที่จริง ถ้า GRAMMY อยากได้หุ้น ONEE เพิ่มอีก 10% ทำไมไม่ซื้อโดยตรงไปเลยล่ะ…ต้องมาคิดโมเดลธุรกรรมให้ยุ่งยากทำไม..?? มิหนำซ้ำต้องมาแบกหนี้เงินกู้ของ “วันทอง โฮลดิ้งส์” ด้วยนะ…อันนี้บ่เข้าใจ๋

เอ๊ะ…หรือ GRAMMY จะมีปัญหาสภาพคล่องป๊ะเนี่ย..? แต่ขึ้นชื่อว่าบริษัท “อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม คงไม่ใช่หรอกมั้ง..?? หรือถ้าใครรู้เหตุผลที่แท้จริง ก็ช่วยกระซิบบอกอิฉันที…

แต่ที่แน่ ๆ การมาของ “แอมป์” พิธาน ครั้งนี้ มันทำให้เกิดอารมณ์เห่อของใหม่ ซึ่งแรงเห่อนำไปสู่อุปทานหมู่ ทำให้ราคาหุ้น ONEE กระโดดโลดเต้นทันที…

ก็ต้องดูกันต่อไปว่า “แอมป์” พิธาน จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ ONEE ได้ยังไง..??

ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง…ระวังพอแรงเห่อหายไป การตกจากที่สูงอาจกระอักเลือดได้นะ…

…เป็นห่วงอะค่ะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button