ขายไว้ก่อน

เอาจริง ๆ ถ้ามองกันตามหน้าเสื่อจะเห็นว่า การขึ้นลงของตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศแบบเบ็ดเสร็จ


เอาจริง ๆ ถ้ามองกันตามหน้าเสื่อจะเห็นว่า การขึ้นลงของตลาดหุ้นไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศแบบเบ็ดเสร็จ และยังอยู่ภายใต้การคอนโทรลของต่างชาติอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้การขึ้นแต่ละรอบต้องอาศัยปัจจัยทั้ง 2 อย่างร่วมด้วยช่วยดันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ในความจริงดันกลายเป็นว่า ไม่มีปัจจัยไหนที่เอื้อไปในทางบวกแบบสุดซอย ตลาดหุ้นไทยถึงแกว่งตัวสะเปะสะปะอย่างที่เห็นไงล่ะคะ

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ทางออกดีสุดในเที่ยวนี้คือ การใช้ยุทธการขายไว้ก่อนเพื่อลดความเสี่ยง เพราะการถือหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น สู้ไปรอรับของด้านล่างน่าจะปลอดภัยสุด จึงทำให้การยืนปิดที่ระดับ 1,367.84 จุด ลบไป 2.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.62 หมื่นล้านบาท อาจไม่ใช่เวลาที่จะยื่นมือเข้าไปรับเผือกร้อน เพราะสถานการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนในหลายเรื่องน่ะซี

โดยเฉพาะสถานการณ์ของหุ้นขนาดใหญ่ และขนาดกลาง ที่กำลังทรุดตัวลงต่อเนื่อง ถือเป็นประเด็นที่ทำให้นักเล่นต้องคิดมากเป็นพิเศษว่า เกิดจากโดนชอร์ต หรือเกิดจากเรื่องกำไรลด รวมถึงการโดนฟอร์ซเซล ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาหุ้นแตกต่างกันไป แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ หากเป็นประเด็นหลังสุดน่าจะสร้างแรงกระเพื่อมขนานใหญ่สำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เจ้าค่ะ

เรื่องนี้ทำให้ต้องเอ่ยถึงหุ้น NEX ซึ่งมีข่าวลือหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ ในทำนองยังโดนฟอร์ซเซลไม่หมดเสียที ส่งผลให้บรรดาขาเผือกอยากรู้เหลือเกินว่า เฮียไปสร้างหนี้สร้างสินเยอะแยะทำไม และเรื่องนี้จะจบตรงไหน? หลังราคาหุ้นทรุดฮวบลงมากองอยู่ที่ระดับ 3.16 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 22.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.93 พันล้านบาทแบบนี้..ไอ้หวังตายแน่ ตายแน่ไอ้หวัง..อิอิอิ

อีกรายที่มีอาการซึมลงเป็นแรมปี “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น HMPRO หลังราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 9.85 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 4 ปีกว่า ก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างไม่ต้องสงสัย และด้วยอาการโดนรินออกมาเรื่อย ๆ เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า หุ้นจะกลับตัวได้เมื่อไหร? เพราะปัจจัยหลายอย่างมันไม่เอื้อเลยพับผ่าซิ

ส่วนรายที่โดนทิ้งแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นเดินเรืออย่าง RCL เพื่อเตือนให้นักเล่นเพิ่มความระมัดระวังในการเล่น เพราะหุ้นตัวนี้มีทิศทางการเคลื่อนตัวที่ชัดเจนมาก ๆ เพราะรอบใหม่ที่เป็นจังหวะขึ้น ก็จะขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ครั้งไหนที่เริ่มลง ก็จะลงมาเรื่อย ๆ เดี๊ยนเลยอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 26.25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 174 ล้านบาท จะไปทางไหนเจ้าคะ

อะ..อะ..อะ เกือบลืมเม้าท์ถึงหุ้นที่ลงลูกเดียวอย่าง BYD เสียแล้ว แต่เผอิญเห็นหุ้นตัวนี้ติดในกระดานหุ้นลงแรง จึงต้องเอ่ยถึงสักเล็กน้อย หลังวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 2.22 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 8.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 46 ล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบเกือบ 3 ปี “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นสถานการณ์ของการหนีตาย จึงไม่มีใครอยากเข้าไปรับหุ้น และปล่อยให้ราคาหุ้นไหลลงเรื่อย ๆ น่ะซี

ส่วนที่แปลกประหลาดดันเป็นในรายของ KGEN ซึ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.78 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 21.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 147 ล้านบาท ทั้งที่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน รวมทั้งการที่ก๊วนหุ้นของตัวเองโดนถล่มยับ แต่หุ้นตัวนี้กลับฝ่าดงสหบาทาขึ้นมาได้ ย่อมเป็นเรื่องที่ทำให้นักเล่นตั้งคำถามมากมาย และกลายเป็นประเด็นร้อนที่รอให้ผู้รู้มาเฉลยว่า เกิดอะไรขึ้น?..อิอิอิ

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงหุ้นนางงาม MGI ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นอีกตัวที่เริ่มปักหลักปักฐานได้อีกครั้ง และดูเหมือนเที่ยวนี้จะมีแรงซื้อเข้ามาเป็นระลอก จนราคาหุ้นสามารถยืนปิดที่ระดับ 25 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 79 ล้านบาท ท่ามกลาง PBV 10 เท่าแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นเรื่องของก๊วนที่เข้ามาเล่นเริ่มกลับมาเหนียวแน่นอีกครั้ง เลยไม่สนใจราคาหุ้นจะแพงขนาดไหนพะย่ะค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button