JTS เปลี่ยน (อีกครั้ง).!

ช่วงระหว่างที่แม่บังเกิดเกล้า JAS ตระเตรียมจะซื้อหุ้นคืน จู่ ๆ บริษัทลูก JTS ก็ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศจะหย่านมลูก


ช่วงระหว่างที่แม่บังเกิดเกล้า บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ตระเตรียมจะซื้อหุ้นคืนในวันที่ 25 มิ.ย.-23 ก.ค. 2567 นี้ จู่ ๆ บริษัทลูก บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ก็ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศจะหย่านมลูก อุ๊ย…สปินออฟบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JasTel) เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ..!!

แหม๊…แม่ลูกคู่นี้มีเรื่องให้นักลงทุนเซอร์ไพรส์อยู่เรื่อย ๆ เลยนะเนี่ย…

โอเค…กระบวนการสปินออฟ JasTel เข้าตลาดฯ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ๆ เลยแหละ…เพราะกว่าจะแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (IFA) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเริ่มนับหนึ่งไฟลิ่ง ต้องใช้เวลา ซึ่งถ้าให้เดาไม่น่าจะทันปีนี้ อย่างเร็วน่าจะได้เห็นหุ้น JasTel มาป่วนตลาดฯ ภายในปีหน้ามากกว่าละมั้ง..??

แต่ตอนนี้เราไปย้อนรอย JasTel กันสักหน่อยดีกว่า…

JasTel เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาเกือบ 20 ปีแล้ว หรือตั้งแต่ 29 มิ.ย. 2549 เพื่อประกอบธุรกิจจัดหา ออกแบบ และวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม (System Integration Business) ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 520 ล้านบาท…จริง ๆ แล้ว JasTel ไม่ได้เป็นลูกที่ JTS เบ่งออกมาหรอกนะ แต่เป็นลูกนอกไส้ที่ย้ายสำมะโนครัวเข้ามาในปี 2564

ถ้าจำกันได้…ช่วงต้นปี 2564 JAS มีการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่ม ตอนนั้นทำธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกัน โดยการขาย JasTel ซึ่ง JAS ถือหุ้นผ่านบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (JSTC) ให้กับ JTS ไป คิดเป็นมูลค่า 1,201 ล้านบาท

ถ้าลำดับเครือญาติ เท่ากับว่า JAS ได้ขายหลานในไส้ (JasTel) ให้ลูกอีกคนไปดูแลนั่นเอง…

ส่งผลให้ JasTel กลายเป็นลูกของ JTS ไปโดยปริยาย…

นับตั้งแต่วันนั้น JTS ก็เปลี๊ยนไป๋ตลอดกาล…อย่างผลประกอบการ จากเดิมที่ไม่ค่อยรุ่งเรืองนัก การได้ JasTel มาอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจก็ทำให้ JTS โตก้าวกระโดด เพราะถ้าไปดูผลประกอบการของ JasTel มีรายได้และกำไรมากกว่า JTS เสียอีก…ตอนนั้นรายได้ของ JasTel อยู่ที่ระดับ 1,600 ล้านบาท ส่วนกำไรอยู่ที่ 300 ล้านบาท ในขณะที่ JTS มีรายได้แค่หลักร้อยล้านต้น ๆ ส่วนกำไรหลักสิบล้านเท่านั้น

ดีลนี้จึงถูกเมาท์มอยกันว่า เป็นลักษณะปลาเล็กกินปลาใหญ่..!!

ส่วนราคาหุ้นยิ่งแล้วใหญ่ จากช่วงต้นปี 2564 ราคาอยู่ที่ 3 บาทเศษ ก็ขึ้นพรวด ๆ มาต่อเนื่อง มารู้ตัวอีกที JTS จากหุ้นต่ำสิบก็อัพสถานะเป็นหุ้นหลักร้อยไปแล้ว เคยทำสถิติเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 594 บาท แต่ปัจจุบันลดสถานะมาเป็นหุ้นต่ำ 70 บาทแล้ว

ลองคิดดูแล้วกัน ณ สิ้นปี 2563 มีมาร์เก็ตแคปอยู่แค่ 1,363.46 ล้านบาท ถัดมาสิ้นปี 2564 มาร์เก็ตแคปปาไป 92,545.91 ล้านบาท พอสิ้นปี 2565 มาร์เก็ตแคปลดลงเหลือ 31,081.12 ล้านบาท ส่วนสิ้นปี 2566 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 62,168.24 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุดมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 50,158.48 ล้านบาท

ถึงวันนี้ JTS กำลังจะเปลี่ยน (อีกครั้ง) จากการสปินออฟ JasTel เข้าตลาดฯ ซึ่งอันดับแรก แฟร์แวลูของ JasTel จะเปลี่ยนไป จากเดิมอยู่นอกตลาดมีแฟร์แวลูราว 16,000–20,000 ล้านบาท ก็พอเข้าตลาดแฟร์แวลูจะขยับขึ้นไปอีก เท่ากับว่ามูลค่า JasTel ที่ JTS รับรู้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ขณะเดียวกัน JasTel ก็จะมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากขึ้น รวมทั้งจะมีทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งทุนมากขึ้น ทั้งจากการออกหุ้นกู้ การเพิ่มทุน หรือกู้เงินจากแบงก์

แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เมื่อมีได้ก็ต้องมีเสีย…จากเดิมที่ JTS เคยกินรวบใน JasTel ก็จะกลายเป็นกินแบ่งแทนนั่นเอง

โจทย์ใหญ่ของ JasTel จึงต้องสร้าง income ให้มากขึ้น เพื่อไปชดเชยกับสัดส่วนการถือหุ้นของ JTS ที่ลดลง

แต่ถ้าถามว่างานนี้ใครได้ประโยชน์สูงสุด ก็คงหนีไม่พ้นคนเป็นแม่อย่าง JAS ของ “เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก” อะนะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button