
ลดดอกเบี้ย-บาทอ่อนสู้
มึนตึ้บครับมึนตึ้บ มึนจริง ๆ กับราชสาส์นล่าสุดของจักรพรรดิ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา ประเทศไทย ยังคงถูกจัดเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้าในอัตราเดิม
มึนตึ้บครับมึนตึ้บ มึนจริง ๆ กับราชสาส์นล่าสุดของจักรพรรดิ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา
ประเทศไทย ยังคงถูกจัดเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้าในอัตราเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง คือ 36% ในขณะที่เพื่อนมิตรในอาเซียน และเป็นคู่แข่งขันทางการค้าในภูมิภาคด้วย ได้รับอัตราจัดเก็บน้อยกว่าประเทศไทยมาก
สิงคโปร์-ฟิลิปปินส์ เป็น 2 ชาติอาเซียนที่ได้เปรียบมากที่สุด ถูกเรียกเก็บในอัตรา 10% และ 17% ตามลำดับ และทั้ง 2 ชาติไม่ได้รับการแจ้งอัตราภาษีใหม่จากสหรัฐฯ ด้วย
เวียดนาม ส่วนแบ่งนำเข้าสหรัฐฯ 3.90% ได้รับอัตราลดภาษีเหลือ 20% จากเดิม 46%, มาเลเซีย ส่วนแบ่งฯ 1.60% ปรับลดเพิ่มเป็น 25% จากเดิม 24% และอินโดเนเซีย ส่วนแบ่งฯ น้อยกว่า 1% ยังคงจัดเก็บอัตราเดิม คือ 32%
สำหรับประเทศไทยเรา ได้เปรียบการค้ากับสหรัฐฯ มาทุกปี ปี 65 ส่งออกสุทธิ 1,024,751.34 ล้านบาท ปี 66 ส่งออกสุทธิ 994,633.01 ล้านบาท และปี 67 ที่ผ่านมา ส่งออกไปสหรัฐฯ 1,928,483.71 ล้านบาท นำเข้า 695,157.08 ล้านบาท ไทยได้เปรียบดุลการค้า 1,233,326.63 ล้านบาท
ประเทศไทยจะเดือดร้อนที่สุด ก็ตรงเค้กส่งออกไปสหรัฐฯ 1.928 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดของไทยนี่แหละครับ
บ้านเมืองเราในขณะนี้ ประสบกับสารพัดวิกฤตรุมเร้าแทบทุกด้าน การตอกลิ่มความขัดแย้งภายในชาติ ที่เอาแต่ชี้หน้าด่ากันไปด่ากันมา น่าจะเป็นสิ่งไร้สาระที่สุด ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างมีสติ
รัฐบาลต้องเป็นแบบอย่างการบริหารในการลดค่าใช้จ่าย-เพิ่มรายได้ เลิกสุรุ่ยสุร่าย เด็ดขาด และไม่ตั้งตนเป็นตัวปั่นกระแสความขัดแย้ง
การเจรจา FTA ไทย-อียู เพื่อการสร้างตลาดใหม่ ต้องกลายเป็นภารกิจลำดับต้นของกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว และหากโชคดี ข้อเสนอใหม่จากคณะรองนายกฯ พิชัย เมื่อ 6 ก.ค.อาจได้รับการผ่อนปรนก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. แต่ถึงอย่างไรก็ต้องยึดหลัก “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
อาวุธ 2 ชนิด ที่น่านำมาพิจารณาสู้วิกฤตขณะนี้ คือมาตรการลดดอกเบี้ย และมาตรการบริหารค่าเงินบาทอ่อน เพื่อให้สินค้าไทยยังพอมีศักยภาพส่งออกได้ ไม่เช่นนั้นก็จะยิ่งซ้ำเติมผลกระทบจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ
เงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในอาเซียน นับจากต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน+5.3% ดอลลาร์สิงคโปร์รองลงมา+3-54% รูเปียห์ อินโดฯ+3% ริงกิต มาเลเซีย+2-3% และเงินด่อง อ่อนค่าลง 3-4%
แม้แต่สาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ยังแข็งค่าขึ้นประมาณ 1.7% จากนโยบายควบคุมการแข็งค่าเงินหยวน เพื่อรักษาความสมดุลทั้งเชิงค่าเงินและเสถียรภาพเศรษฐกิจ
ส่วนมาตรการลดดอกเบี้ย เพื่อลดต้นทุนเงินกู้ โดยเฉพาะกลุ่ม SME สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและกระตุ้นการใช้จ่ายบริโภคภายในประเทศ
การลดอัตราดอกเบี้ยและการบริหารค่าเงินบาทอ่อนในอัตราที่เหมาะสม น่าจะถือเป็นกระสุนสำรองก่อนจะสูญสิ้น
ชาญชัย สงวนวงศ์