ตลาดหุ้นกลางสนามรบ

หลังจากออกสตาร์ตช่วงต้นปี 2568 ด้วยดัชนี 1,400 จุด ตลาดหุ้นไทย กลายเป็น “ขาลง” เต็มตัว ช่วงอ่อนแอที่สุดของปีนี้ อยู่ที่ 1,062 จุด


หลังจากออกสตาร์ตช่วงต้นปี 2568 ด้วยดัชนี 1,400 จุด ตลาดหุ้นไทย กลายเป็น “ขาลง” เต็มตัว ช่วงอ่อนแอที่สุดของปีนี้ อยู่ที่ 1,062 จุด ณ วันที่ 23 มิ.ย. อนาคตมืดมิด ยากจะหลงเหลือความหวัง

ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามยิว-ฮามาส ขยายวงไปยังอิหร่าน ก่อความอกสั่นขวัญหาย อาจจะมีการปิดช่องแคบฮอร์มุส ภาษีโหดตอบโต้ทางการค้าของทรัมป์ ที่ประกาศครั้งที่ 2 ก็ยังยืนยันเก็บภาษีนำเข้าจากไทยในอัตรา 36%

เศรษฐกิจไทยที่ติดกับดักเติบโตช้า ล้าหลังกว่าใครในภูมิภาค และสงครามชายแดนที่เขมรเป็นฝ่ายยั่วยุ

ปัญหารุมเร้ารอบตัวเพียบ แล้วจะเหลือความหวังอะไร นำตลาดหุ้นไทยออกจากกับดักความตกต่ำกันได้ละเนี่ย

แต่แล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ ตลาดหุ้นกลับพลิกความคาดหมาย จาก 1,062 จุดวันนั้น มาเป็น 1,242 จุดวันนี้ ฟื้นตัวขึ้นมาได้ถึง 180 จุด ในห้วงเวลาประมาณ 1 เดือนกับ 1 สัปดาห์ นักลงทุนต่างชาติ ที่เทขายหุ้นอย่างหนักมา 9 เดือน ก็กลับมาเป็นผู้ซื้อในเดือนก.ค.นี้

อะไรทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้ 180 จุด? ตอบแบบเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว ก็เห็นจะเป็นเพราะเหตุปัจจัยลบต่าง ๆ คลี่คลายตัว อาทิ สงครามยิว-อาหรับ, สงคราม 5 วันไทย-เขมรที่บรรลุข้อตกลงหยุดยิงกันได้

อันนี้ ก็คงจะเป็นโบนัสที่ประธานาธิบดีทรัมป์น่าจะให้รางวัลแก่ไทย ในเรื่องภาษีตอบโต้ทางการค้าด้วย หวังว่า “ประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ” ที่ทรัมป์ยก…ตัวเอง คงไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง นอกจากนั้น ก็คงจะเป็นเพราะราคาหุ้นไทยตกต่ำจนได้ระดับเข้าซื้อแล้วด้วยล่ะ

นักวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส แนะนำหุ้น 10 ตัวที่ต่างชาติซื้อเยอะที่สุดในรอบ 15 วันได้แก่ AOT CPALL KTC KBANK SCC BBL CPN ADVANC TOP และ CPF

สำหรับผมแล้ว อยากจะแนะนำตราสารทุน 2 ตัว ที่มีความปลอดภัยสูง และมีผลตอบแทนสม่ำเสมอเป็นรายไตรมาส นั่นก็คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ 3BBIF และ DIF ซึ่งมีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีทั้งคู่

3BBIF ซึ่งขณะนี้ปรับเปลี่ยนสปอนเซอร์จาก JAS มาเป็นบริษัทลูกของ ADVANC แล้ว ราคาปัจจุบันคือ 6.05 บาท มีค่า P/BV ที่ 0.73 เท่า เคยจ่ายปันผลในอัตรา 8-9% 

แต่ขณะนี้ยังมีผลขาดทุนที่เกิดจากการตีมูลค่าทรัพย์สิน อันเป็น Unrealized loss จึงยังจ่ายปันผลไม่ได้ ต้องใช้วิธีการจ่ายคืนเงินลงทุนแทนในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น และมีแนวโน้มสูงว่า ไตรมาส 3-4 ปีนี้จะล้างมูลค่าขาดทุนทางบัญชีได้หมด และสามารถกลับมาจ่ายปันผลปกติได้

สำหรับ DIF เป็นกองทุนรวมฯ ของค่ายทรู คอร์ปอเรชั่น ราคาปัจจุบันคือ 8.15 บาท มูลค่าทางบัญชี 15.22 บาท มีค่า P/BV อยู่ที่ 0.54 เท่า อัตราจ่ายปันผลอยู่ที่ 10.84% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมาก กองทุนฯ มีความมั่นคงทางการเงินสูง

หวังว่า จะได้รับข่าวดีจากท่านประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ ซึ่งก่อนรุ่งเช้าวันนี้ ก็คงจะทราบผลกันแล้วนะครับ

Back to top button