
ส่องหุ้นรถไฟฟ้าครึ่งหลังปี 68 “บีทีเอส” ธีมพลิกมีกำไร!
วันนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จะพาไปจับตาความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของอีก 1 บริษัทที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกสี
เส้นทางนักลงทุน
ทำตามสัญญา …วันนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จะพาไปจับตาความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของอีก 1 บริษัทที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกสี (8 สี) นั่นคือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน สีเขียวแก่ สีชมพู สีเหลือง และสีทอง
ภายหลัง “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยังยืนยันอย่างแข็งขันว่าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกสีดังกล่าว ยังคงเดินหน้าตามแผนงาน โดยจะเริ่มมาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 และเตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ
ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา (1-31 กรกฎาคม 2568) ราคาหุ้นไม่ขยับมากนัก เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงระหว่าง 3 บาทกว่า ๆ ไม่เกิน 4 บาท ขณะที่ปัจจุบัน (8 สิงหาคม 2568) ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.52 บาท นับตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมา ราคาหุ้นตกไป 42.30% จากสิ้นปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 6.10 บาท ทั้งนี้ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา BTS เคยวิ่งไปสูงสุดที่ 6.40 บาท และต่ำสุดที่ 3.28 บาท
ผลประกอบการในงวดปี 2567/2568 BTS มีกำไรสุทธิ 2,117 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนที่ขาดทุน 5,241 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 28,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.9% จากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรวมรายได้ของบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ RABBIT และบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC ขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ส่วนใหญ่มาจากการบันทึกกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการเปลี่ยนสถานะของ RABBIT และ ROCTEC จากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อยของบีทีเอส กรุ๊ป รวมถึงกำไรจากการขายเงินลงทุน
การมาของโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกสี จะส่งผลดีต่อ BTS หรือไม่ แล้วโบรกเกอร์มองผลลัพธ์ของอานิสงส์นี้อย่างไร???
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ระบุว่า ประเด็นค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ซึ่งภาครัฐน่าจะเริ่มโครงการฯ เร็ว ๆ นี้ จะหนุนให้ผู้โดยสารในระบบของ BTS เพิ่มขึ้น 30-40% เทียบกับปัจจุบัน โดยช่วงแรกน่าจะเป็นการ subsidy ค่าโดยสารให้เอกชนก่อน เมื่อรวมกับแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 น่าจะเป็นปัจจัยที่ดี
เช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ ชี้ว่า ประเด็นสำคัญเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คาดว่าโครงสร้างราคาใหม่นี้จะทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองเพิ่มขึ้น 30-40% ซึ่งตามนโยบายนี้จะไม่มีการแก้สัญญาสัมปทานที่ทำไว้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตกลงที่จะผลักดันนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายร่วมกับรัฐบาล ในขณะที่รัฐบาลจะรับผิดชอบต้นทุนการดำเนินงาน และซ่อมบำรุง (O&M) สัมปทานสายสีเขียวจะสิ้นสุดในปลายปี 2572
ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ นั้น กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญสูงสุดกับการใช้ค่าตั๋ว 20 บาทตลอดสายกับสายสีเขียว เพราะจำนวนผู้โดยสารในสายนี้ คิดเป็น 60-70%ของผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมด ซึ่งประเมินว่าการต่อสัมปทานสายสีเขียวมีความเป็นไปได้น้อยลง เมื่อมีการใช้ค่าโดยสารอัตราใหม่ ดังนั้นจึงคิดว่ามูลค่าของรถไฟฟ้าสายสีเขียวไม่น่าจะเพิ่มขึ้นอีกในการประเมินมูลค่าของบริษัทหลังปี 2572 ซึ่งจะทำให้กองทุน BTSGIF หมดอายุลงไปด้วยตามสัญญาสัมปทานหลัก
BTS ตั้งเป้ารายได้ปี 2568/2569 ที่ 2.85 หมื่นล้านบาท การเติบโตของรายได้ที่สูงขึ้นมากในปี 2567/2568 เกิดจากการปรับโครงสร้างกลุ่มโดยถือหุ้น RABBIT กับ ROCTEC น่าจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักจะพลิกเป็นบวกได้ ซึ่งรวมถึงปี 2570 โดยปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักเป็น 231 ล้านบาท ในปี 2569 และ 359 ล้านบาท ในปี 2570
BTS คาดการณ์รายได้รวมไว้ประมาณ 2.85 หมื่นล้านบาทในปี 2568/2569 หากเทียบกับคาดการณ์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ถือว่าดีกว่าเป้าหมายของโบรกเกอร์รายนี้ถึง 6% ความแตกต่างหลักมาจากรายได้จาก O&M ซึ่ง BTS คาดการณ์การเติบโตของรายได้ 4% เทียบกับ 2%
ซึ่งโบรกเกอร์เห็นว่าในทางทฤษฎีแล้ว การเติบโตของรายได้นี้จะสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อของ กทม. เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมเงินเฟ้อต่ำเช่นปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่าสมมติฐานในการเติบโตของรายได้จะอยู่ระดับ 2% จะดูสมเหตุสมผล ทั้งนี้คาดการณ์รายได้และกำไรในปี 2569 ไว้ที่ 365 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกกลับจากผลขาดทุนหลักที่ 360 ล้านบาทในปี 2567 ปัจจัยหนุนกำไรจะมาจากบริษัทย่อย เช่น VGI, ROCTEC และ RABBIT
ทั้งนี้ธีมการพลิกกลับมาทำกำไร ทำให้ BTS มีความน่าสนใจมากขึ้น