The Best in the Worst

ถ้อยสำนวนคำว่า “The Best in the Worst” แปลความได้ว่า “ดีที่สุดในเลวที่สุด” หรือการค้นหาสิ่งดีที่สุดในสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุด


ถ้อยสำนวนคำว่า “The Best in the Worst” แปลความได้ว่า “ดีที่สุดในเลวที่สุด” หรือการค้นหาสิ่งดีที่สุดในสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุด สามารถนำไปใช้ในความหมายได้ทั้งในเชิงสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนการเมือง การแพทย์ ฯลฯ เป็นต้น

อาทิ วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 เศรษฐกิจไทยล่มสลาย ระบบอัตราแลกเปลี่ยนพัง ต้องปล่อยค่าเงินบาทลอยตัว ระบบการเงินและสถาบันการเงินพังพินาศ ธุรกิจล้มระเนนระนาด ลูกจ้าง-พนักงานตกงาน และมีหนี้สินล้นพ้นตัว ฯลฯ

แต่ก็มีสิ่งที่ดีที่สุดเกิดขึ้นเช่น ประเทศไทยเริ่มมีการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ล้าหลังโบราณอย่างจริงจัง สถาบันการเงินสร้างกฎเกณฑ์ระบบ “บรรษัทภิบาล” องค์กรภาครัฐโดยเฉพาะเอกชนเริ่มวางแผนบริหารจัดการทางการเงินที่โปร่งใสและปลอดภัย

คุณูปการอันสำคัญที่สุดของวิกฤตต้มยำกุ้ง คือทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ร.9 ที่คนไทยเรียนรู้บทเรียนการใช้จ่ายเงิน และการลงทุนที่พอเหมาะพอดี ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ตลอดจนการพึ่งพาตัวเอง

ใครที่อยู่รอดและผ่านวิกฤตต้มยำกุ้งมาได้ ก็ถือว่าได้ “ภูมิคุ้มกัน” ชั้นดี ได้ตำราเล่มใหญ่ วิกฤตไหนมาก็ไม่หวาดกลัวอีกแล้ว

วิกฤตโควิด-19 ปี 2563-2565 สนามบินร้าง โรงแรมปิด ร้านอาหารภัตตาคาร เจ๊งระนาว ตลาดหุ้นร่วงอย่างหนัก เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ภาคการผลิต การค้าขายและบริการหดตัวรุนแรง เศรษฐกิจพังครืนอีกครา

แต่สิ่งดีที่สุดที่เกิดขึ้นก็คือ ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่นอี-คอมเมิร์ซ เดลิเวอรี่การส่งอาหารหรือพัสดุ การทำงานนอกสถานที่ทำงาน เช่น เวิร์กฟรอมโฮม หรือเวิร์กบนยานพาหนะ แม้อยู่ต่างจังหวัดหรืออยู่ไกลถึงต่างประเทศก็ทำงานได้

ระบบการเงินยกระดับเป็นการเงินดิจิทัล เช่น อี-เพย์เมนต์ หรือคิวอาร์ โค้ด ระบบเทคโนโลยีการสื่อสารและการเรียนรู้ยกระดับทันสมัยและครอบคลุมยิ่งขึ้น ชีวิตในครอบครัวใกล้ชิดผูกพันกันมากขึ้น และคนไทยก็หันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพและความสะอาด เพื่อป้องกันโรคร้ายกันมากขึ้น

แม้แต่ในมิติทางการเมืองทุกวันนี้ ที่อาจจะมีการแบ่งข้างฝ่ายหนึ่งเป็นโจราเห็นแต่ไกล แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นวิญญูชนจอมปลอม ตามคำพูด “คุณเจี๊ยบ” อมรรัตน์ ก็ยังพอจะมีเรื่องดีในร้ายเกิดขึ้น นั่นก็คือ การทำให้มีความชัดเจนในทิศทางการเมืองมากขึ้น การมีหลักประกันในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ก่อความแตกแยกในบ้านเมืองมาเกือบ 1 ทศวรรษแล้ว

การยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังรัฐบาลแถลงนโยบาย และพรรคภูมิใจไทยต้องดำรงความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย 146 เสียง

ไม่ดำเนินการเพื่อจะทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เพื่อจะอยู่ยาวและเบี้ยวข้อตกลง MOA

หลักประกันสำคัญที่สุด ก็คือ การมีพรรคประชาชนเป็นพรรคฝ่ายค้าน 143 เสียงอันทรงพลังที่สุดชนิด …หากเบี้ยวข้อตกลงวันใดก็สามารถล้มรัฐบาลร่วมกับฝ่ายค้านพรรคอื่นได้เลย

ไม่ทราบว่ามองโลกสวยไปหรือเปล่านะ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้บ้านเมืองชะงักงันนานไป และอาจเกิดการแทรกเข้ามาของระบบการเมืองอันไม่พึงปรารถนา

Back to top button