SMIT หนี้หด…เงินสดเพิ่ม

ถือเป็นหุ้นนอกสายตาอีกหนึ่งตัวก็ว่าได้ สำหรับบริษัท สหมิตรเครื่องกล จำกัด (มหาชน) หรือ SMIT ซึ่งเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตั้งแต่ปีมะโว้ ในปี 2548


ถือเป็นหุ้นนอกสายตาอีกหนึ่งตัวก็ว่าได้ สำหรับบริษัท สหมิตรเครื่องกล จำกัด (มหาชน) หรือ SMIT ซึ่งเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาตั้งแต่ปีมะโว้ ในปี 2548…แต่อาจเป็นเพราะสภาพคล่องต่ำ มูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันไม่มาก แค่หลักแสนบาทเท่านั้น เลยทำให้หลุดจากจอเรดาร์ของนักลงทุน…

ทั้ง ๆ ที่ SMIT เป็นหุ้นน้ำดี..พื้นฐานแกร่ง สะท้อนได้จากงบงวด 6 เดือนแรกปี 2568 ที่มีกำไรสุทธิ 83.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.46% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 71.40 ล้านบาท และมีรายได้รวม 840.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.38% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องมือและเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น 29.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.88%

ด้านความสามารถในการทำกำไรก็ทำได้ดี ดูได้จากอัตรากำไรสุทธิที่อยู่ระดับ 10% บวก/ลบ โดยงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.90%

แล้วถ้าเจาะให้ลึกลงไป จะเห็นว่า SMIT เป็นบริษัทที่มีหนี้สินค่อนข้างต่ำ โดยมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 2,935.63 ล้านบาท แต่มีหนี้สินรวมแค่ 288.89 ล้านบาทเท่านั้น แถมหนี้ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่น จำนวน 81.08 ล้านบาท โดยมีหนี้สินหมุนเวียนรวมอยู่ที่ 157.72 ล้านบาท ส่วนหนี้สินไม่หมุนเวียนรวมอยู่ที่ 131.18 ล้านบาท 

ในขณะที่บริษัทยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรสูงถึง 1,459.69 ล้านบาทเลยทีเดียว

หันไปดูตัวเลขสำคัญทางการเงินอื่น ๆ ก็ดูดีนะ ไล่มาตั้งแต่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E ratio) อยู่ที่ 0.11 เท่า ทรงตัวจาก 6 เดือนแรกปี 2567 ที่ 0.11 เท่า และไม่มีอัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย เนื่องจากบริษัทไม่มีหนี้จากสถาบันการเงิน และหนี้หุ้นกู้ใด ๆ 

ด้านอัตราส่วนสภาพคล่อง (Current ratio) ช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 12.29 เท่า ดีขึ้นจาก 6 เดือนแรกปี 2567 ที่ 11.32 เท่า ตามด้วยอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick ratio) อยู่ที่ 6.95 เท่า ก็ดีขึ้นจาก 6 เดือนแรกปี 2567 ที่ 5.70 เท่า ส่วนวงจรเงินสด (cash cycle) อยู่ที่ 335.54 วัน ดีขึ้นจาก 6 เดือนแรกปี 2567 ที่ 371.43 วัน และดีขึ้นเมื่อเทียบกับทั้งปี 2567 ที่ 346.34 วัน 

ไม่เท่านั้น ถ้าไปดูกระแสเงินสดในกระเป๋าก็เพิ่มขึ้นนะ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 57.13 ล้านบาท ขณะที่มีเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาเป็น 144.95 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 72.99 ล้านบาท สะท้อนถึงความเข้มแข็งของเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทอย่างชัดเจน 

นอกจากนี้ ยังมีงบใช้จ่ายลงทุนมากขึ้นที่ 59.55 ล้านบาท เทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีก่อนที่ใช้จ่ายลงทุนเพียง 14.59 ล้านบาท 

งั้นถ้าจะบอกว่า SMIT หนี้หด…เงินสดเพิ่มก็ไม่ผิดกระไร..!! 

ขณะที่ปัจจุบันหุ้น SMIT ชื้อขายกันที่ P/E ระดับ 12.38 เท่า เท่านั้น เมื่อเทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.01 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาดมาก สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 0.74 เท่า ก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.23 เท่า เช่นกัน

ที่สำคัญ แม้จะเป็นหุ้นไซส์เล็ก…แต่ SMIT ใจป้ำนะจิบอกให้ เนื่องจากมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ขนาดช่วงเกิดวิกฤตโควิดก็ไม่ได้งดยังคงจ่ายปันผลต่อเนื่อง โดยแต่ละปีจะจ่าย 2 ครั้งด้วยกัน…อย่างงวดล่าสุดประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 10 สตางค์

ส่งผลให้ SMIT ขึ้นทำเนียบหุ้นเล็กปันผลเด่น ด้วยดิวิเดนด์ยีลด์เฉลี่ย 6-7% ต่อปี ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าการเอาเงินไปฝากแบงก์อีกนะ…

เชื่อหรือยังละว่า SMIT มีดีกว่าที่คิด..!?

แต่ถ้าไม่เข้าตาก็ไม่ว่ากัน…นานาจิตตัง

…อิ อิ อิ…

Back to top button