S หายไปไหน?

ประเด็นที่ทำให้หุ้น S ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นในช่วงปี 57 เกิดจากความคิดของคนส่วนใหญ่มองว่า กลุ่มสิงห์ เข้ามาเทคโอเว่อร์ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ RASA เพื่อนำสินทรัพย์ที่มีหลายหมื่นล้านเข้ามาสวม ส่งผลให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงตลอดทั้งปีจนหุ้นขึ้นมายืนแถว 11 บาท ทั้งที่ต้นปีอยู่แค่ 1.50 บาท


สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

 

คุณอำนาจ จาก อ.เมือง จ.ชลบุรี พูดถึงสถานการณ์ของหุ้น S หรือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ทำไมถึงหายเงียบไปดื้อๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี มีแรงซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นหุ้นที่ติดอยู่บนกระดานมูลค่าซื้อขาย 20 อันดับเป็นประจำ จึงอยากให้อาจารย์ช่วยวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นตัวนี้ว่า ยังมีอะไรน่าสนใจอีกหรือเปล่า? หรือจะอธิบายเหตุผลที่เป็นประโยชน์กับการเล่นก็ได้นะครับ

 

ประเด็นที่ทำให้หุ้น S หรือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นในช่วงปี 57 เกิดจากความคิดของคนส่วนใหญ่มองว่า กลุ่มสิงห์ เข้ามาเทคโอเว่อร์ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ RASA เพื่อนำสินทรัพย์ที่มีหลายหมื่นล้านเข้ามาสวม ส่งผลให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงตลอดทั้งปีจนหุ้นขึ้นมายืนแถว 11 บาท ทั้งที่ต้นปีอยู่แค่ 1.50 บาท

ต่อจากนั้นในปี 58 กลับมีแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากตัวบริษัทไม่มีความคืบหน้าในการนำสินทรัพย์เข้ามาสวม ราคาหุ้นถึงถอยร่นลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในระหว่างทางยังพยามดีดตัวขึ้นเป็นระยะ จนไซเคิลของหุ้นอยู่ในลักษณะ side way down

โดยราคาสุดท้ายที่หุ้น S ยืนปิดในปีนั้นอย่างแข็งแกร่งก็อยู่ที่ระดับ 6 บาทนะครับ

ส่วนข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ ในระหว่างทางที่หุ้นรีบาวด์ขึ้นไปยืนแถว 7.50 บาท ก็มีคำแนะนำจากโบรกเกอร์ออกมาเป็นระยะ โดยเนื้อเรื่องที่ดูแล้วน่าสนใจสุด คงเป็นการพูดถึงความเสี่ยงในมุมต่างๆ พร้อมกับให้คำแนะนำว่า S เหมาะต่อการเล่นเก็งกำไรมากกว่าซื้อลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว

สำหรับรายละเอียดของคอมเม้นท์ดังกล่าวมีการพูดถึงความเป็นไปได้ที่หุ้น Sจะรายงานกำไรสุทธิในปี 59 หลังจากสามารถรับรู้กำไรเต็มปีของธุรกิจต่างๆ ที่เพิ่งซื้อเข้ามาในปี 58 โดยเฉพาะส่วนแบ่งกำไรของโรงแรมที่ UK (ราว 200 ลบ.) กำไรเต็มปีของซันทาวเวอร์ส (200 ลบ.) และน่าจะมีดีล M&A เพิ่มเติม อย่างน้อย 2-3 ดีล ที่สามารถรับรู้กำไรได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงขาลงจะมาจาก SG&A ที่สูงเกินคาด หลักๆ เกิดจากการขยายบุคลากรที่สำนักงานใหญ่, ค่าที่ปรึกษา M&A, และค่าใช้จ่ายการตลาดสำหรับเปิดตัวโครงการอสังหาฯ ใหม่ที่คาดว่าจะเปิดมากขึ้นในปี 59

จึงเป็นที่มาของคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากแผนธุรกิจเรื่อง M&A ยังเป็นเชิงรุกโดยอาจเห็นดีลซื้อโรงแรมในต่างประเทศเพิ่มเติม และซื้อบริษัทอสังหาฯ เพื่อขายอีก ซึ่งการประกาศดีลถือเป็นประเด็นบวกระยะสั้นที่ดี ขณะที่ระยะกลางจะเริ่มรับรู้กำไรจากธุรกิจที่มีอยู่เดิมและที่ซื้อใน 58 อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น และอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะยิ่งมีกำไรที่เติบโตจากการโอนคอนโดที่อโศก (ปี 61-62) รายได้ค่าเช่าของสิงห์ คอมเพล็กซ์ (เริ่มปี 61)และกำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินเข้ากองรีท

ถึงกระนั้นตัว S ก็มีปัจจัยเสี่ยงเรื่อง M&A น้อยกว่าคาด การพัฒนาโครงการล่าช้ากว่าแผน และยอดขายน้อยกว่าคาด เนื่องด้วยแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเติบโตสูงผ่าน M&A เป็นหลัก หากทำได้น้อยกว่าคาด จะกระทบต่อการเติบโตของรายได้ รวมถึงการตอบรับต่อโครงการที่ S จะพัฒนาขึ้นเอง อาจน้อยกว่าคาด และการพัฒนาโครงการล่าช้ากว่าคาดทำให้รับรู้รายได้ล่าช้า

ฉะนั้นการที่หุ้น S รูดลงมาอยู่แถว 5 บาท และไม่มีใครให้ความสนใจอีกเลย น่าจะเป็นเพราะโอกาสในการทำได้ตามแผนงานริบรี่เหลือเกิน จึงไม่มีใครอยาถือหุ้นตัวนี้อีกต่อไปนะครับ

 

S20160431

กราฟประกอบข่าว Aspen, ราคาปิด ณ วันที่ 29 เม.ย.59

Back to top button