ซุปเปอร์ไฮเวย์….สายท่องนรก

มติที่ประชุมของบริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อีกครั้ง


มติที่ประชุมของบริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น  จำกัด (มหาชน) หรือ  MAX กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อีกครั้ง

มติที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 59 อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่ 2.03 หมื่นล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาทเพื่อเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4.53 หมื่นล้านบาท เป็นการเพิ่มทุนที่มากกว่า 100% จากทุนเดิม 2.49 หมื่นล้านบาท  โดยออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 2.03 หมื่นล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยมีเงื่อนไขการเพิ่มทุนที่ซับซ้อนดังนี้

–             จัดสรรหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (PPX จำนวน 1 หมื่นล้านหุ้น เสนอขายไม่ต่ำกว่าราคาตลาดและไม่ต่ำกว่า 0. 01 บาท/หุ้น

–             หุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 4.63 พันล้านหุ้น ใช้รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (MAX-W2) ที่จะออกจำนวน 9.26 พันล้านหน่วย อายุ 1 ปี จัดสรรให้ฟรีกับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 15 หุ้นเดิมต่อ 7 วอร์แรนต์ โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 2 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาใช้สิทธิจะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 90% ของราคาตลาดเฉลี่ยก่อน XW

–             หุ้นเพิ่มทุนที่เหลือไม่เกิน 5.7 พันล้านหุ้น จะใช้รองรับการแปลงสภาพและการใช้สิทธิของใบแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ หรือ TSR (MAX-T1) ที่จะออกจำนวนไม่เกิน 5.7 พันล้านหน่วย อายุไม่เกิน 2 เดือน จัดสรรให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นใหม่ กำหนดราคาการใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 90% ของราคาตลาดเฉลี่ยก่อน XT

–             หลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ลุล่วงไปแล้ว จะมีการลดทุนโดยลดราคาพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.05 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมหุ้นเพื่อให้กลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

เป้าหมายของการเพิ่มทุนครั้งนี้ ระบุว่า จะนำไปซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้วในสัดส่วนไม่เกิน 30% ของโรงไฟฟ้าขนาดมากกว่า 100 เมกะวัตต์ที่ดำเนินการอยู่แล้ว

หลังจากที่มติได้ถูกแจ้ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว ก็มีปฏิกิริยาเกิดขึ้น 2 ด้านพร้อมกันคือ ด้านแรก ราคาหุ้นของ MAX ในกระดานซื้อขายวูบวาบพร้อมกับมีปริมาณที่คึกคักผิดสังเกตทันที แม้วันดังกล่าวจะปิดติดลบลงก็ตาม

ด้านที่สอง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งให้ MAX ชี้แจง 4 ข้อ เกี่ยวกับมติการเพิ่มทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาทภายใน 30 พฤษภาคมนี้ เพราะการเพิ่มทุนดังกล่าว ไม่บอกวัตถุประสงค์ชัดเจน แล้วยังมีเงินเพิ่มทุนคงเหลือในปี 2557

ข้อเท็จจริงที่ทราบกันดี คือ  MAX ได้เคยเพิ่มทุนล่าสุด (ครั้งที่เท่าใดยากจะจำ เพราะเพิ่มบ่อยมาก มากกว่าเปลี่ยนชื่อบริษัท) เมื่อวันที่ 11 เมษายน  2557 ในราคาหุ้นละ 0.05 บาท โดยได้รับเงินเพิ่มทุน 900 ล้านบาท ขณะที่ได้รายงานการใช้เงินเพิ่มทุนล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 58 ว่ามีเงินคงเหลือ 839 ล้านบาท  เพื่อรองรับการศึกษาและลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการขยะมูลฝอย 770 ล้านบาท รวมทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจเหล็ก 69 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่จะซื้อหุ้นสามัญอีก 5.14 พันล้านหน่วย ที่จะสามารถแปลงสภาพภายในปี 60  ในอัตรา  1 : 1  ที่ราคา 0. 05 บาท/หุ้น

การเพิ่มทุนครั้งนั้น ทำให้กลุ่มนายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ที่ประกอบด้วยพลพรรคผองเพื่อนก๊วนศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ามายึดกุมอำนาจการบริหารบริษัทโดยนายขจรศิษฐ์ซื้อหุ้น 12,000 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 60.50% ของสัดส่วนหุ้นทั้งหมดไว้ในกำมือ และเข้ากินตำแน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมกับวาดฝันสวยหรูว่าจะให้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ดำเนินการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ในการที่ MAX จะเข้าซื้อบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (SA) ซึ่งเป็นของนายขจรศิษฐ์กับพวกเอง และจะซื้อหุ้นบริษัทอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อให้ MAX มีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น ซึ่งจะเป็นการรองรับหากไม่สามารถซื้อ SA ได้

เวลาผ่านมา 2 ปี โดยไม่มีแผนงานใดบรรลุเป้าหมายเลย แต่ข้อเท็จจริงคือ นายขจรศิษฐ์ ได้ทยอยตัดแบ่งขายหุ้นทำกำไรออกจากมือตามวาระต่างๆ โดยทุกครั้งที่ขาย นานขจรศิษฐ์จะประกาศซ้ำซากจนคุ้นเคยว่า.. “หลังจากนี้ไปผมจะไม่ทำการขายหุ้นของ MAX อีก โดยจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้บริหารของ MAX ต่อไป ขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าแผนการดำเนินงานทุกอย่าง” (ดูรายละเอียดการขายและโอนหุ้นจากมือนายขจรศิษฐ์ไปที่ต่างๆ)

ครั้งนี้ก็เช่นกัน MAX ชี้แจงเบื้องต้นว่าการเพิ่มทุนอันแสนพิสดาร…ซึ่งเท่ากับการเปิดช่องให้ราคาหุ้นไดลูทรุนแรงในอนาคต…โดยให้เหตุผลเดิมๆ ที่เรื่อยเจื้อยว่า … “เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และสร้างสภาพคล่องทางการเงิน และเพื่อเป็นทุนสำรองสำหรับการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต ทั้งการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก หรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในปัจจุบัน…”

คำถามก็คือ ใครจะเชื่อข้อกล่าวอ้างอันเลื่อนลอยของคำสัญญาที่ล่องลอยในก้อนเมฆดังกล่าว

คำตอบก็คือ คงจะมีคนที่เชื่อ …เพราะจำยอม หรือเพราะตกกระไดพลอยโจน ก็สุดแท้…แต่นั่นก็คือ การเดินทางสู่เส้นทางที่ปูลาดเรียบแบบ ซุปเปอร์ไฮเวย์ไปท่องนรกธรรมดานี่เอง…ไม่ใช่ Stairway to Heaven แน่นอน

ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ …อิ อิ อิ

 

Back to top button