สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (15 ส.ค.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1185 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1171 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.2874 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2911 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7682 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7650 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 101.23 เยน จากระดับ 101.14 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9723 ฟรังก์ จากระดับ 0.9742 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2912 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2958 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเทียบยูโร หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐที่อ่อนแอ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในระดับต่ำ ซึ่งทำให้นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน และยังเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2558 หลังจากที่พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย.
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย. ซึ่งผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 3 เดือนติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ของเฟดในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค., อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค.