‘GL’ สายสัมพันธ์ปริศนา  

วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL โดยกรรมการ นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ได้แจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ของบริษัท Group Lease Holdings Pte., Ltd. หรือ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสิงคโปร์ ได้ทำการจัดหาหลักประกันเพิ่มเติมมาให้แก่บริษัทเพื่อประกันเงินกู้ยืม โดยมีที่ดิน 2 แปลง และอาคาร 1 หลัง โดยตั้งอยู่ที่ Hyogo Prefecture ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่า 1,960,000,000 เยน หรือราว 17,600,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยกว่า 616 ล้านบาท


แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL โดยกรรมการ นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ได้แจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ของบริษัท Group Lease Holdings Pte., Ltd. หรือ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสิงคโปร์ ได้ทำการจัดหาหลักประกันเพิ่มเติมมาให้แก่บริษัทเพื่อประกันเงินกู้ยืม โดยมีที่ดิน 2 แปลง และอาคาร 1 หลัง โดยตั้งอยู่ที่ Hyogo Prefecture ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่า 1,960,000,000 เยน หรือราว 17,600,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยกว่า 616 ล้านบาท

ดังนั้น จากการเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันดังกล่าว จึงส่งผลให้ขณะนี้ GL มีหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับเงินกู้ก้อนดังกล่าว จำนวน 2,744,144 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 93,197,716 บาท

ผู้กู้ร่วมจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท Cougar Pacific Pte., Ltd. บริษัท Kuga Reflorestamento Ltda. และ นาย Tep Rithivit ปรากฏเป็นผู้ทำสัญญาการขอสินเชื่อ ซึ่งมีที่ดินในประเทศบราซิลที่มีมูลค่าประเมิน 30.10 ล้านเหรียญสหรัฐ และหุ้นสามัญ GL จำนวน 35 ล้านหุ้น เป็นหลักประกันเงินกู้สำหรับสัญญาดังกล่าว…..แยกออกยากว่า เป็นลูกหนี้ หรือผู้ถือหุ้น

การกู้เงินเกิดขึ้นในปลายปี 2558 ซึ่งต่อมาในปี 2559 ราคาหุ้นของ GL ได้พุ่งขึ้นอย่างมากถึงระดับเกินกว่า 85.00 บาททำให้มูลค่าหุ้นของ GL ที่กลุ่มลูกค้าสิงคโปร์ในนาม 3 บุคคลและนิติบุคคลใช้เป็นหลักประกัน ไม่มีปัญหาต้องเรียกเพิ่มเติม

สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงนับแต่ต้นเดือนมีนาคม 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน  ที่ราคาหุ้น GL ได้ปรับตัวลดลงจากช่วงที่นำหลักทรัพย์มาค้ำประกัน ทำให้มูลค่าหลักประกันมีมูลค่าลดลงตามราคาหุ้น กลายเป็นคำถามที่กลุ่มผู้บริหารของ GL ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้มานานหลายเดือนต่อนักลงทุน

ที่สำคัญ อาจจะเป็นปมสำคัญที่ทำให้ การแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิวอร์แรนต์ GL-W4 เพื่อซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 8 ซึ่งมีราคาใช้สิทธิสูงถึง 40 บาท ต่อหุ้น ….แพงกว่าในกระดานเกือบเท่าตัว…มีความหมายต่ำกว่า 0 โดยปริยายในปลายสัปดาห์นี้

คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ 7 ครั้งที่ผ่านมา ก็หาคนแปลงสิทธิ ไม่ได้มาโดยตลอด…จะมีอีกครั้งคงไม่แปลกอะไร

ในยามที่ราคาหุ้นต่ำเตี้ยยามนี้ ปฏิบัติการ “สงครามสร้างความเชื่อมั่น” จึงต้องเกิดขึ้น …การเรียกหลักประกันเพิ่มอีก 17,600,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยกว่า 616 ล้านบาท….ก็เพื่อทำให้นักลงทุนที่ยัง “รักและศรัทธามั่น” ในสองพี่น้องโคโนชิตะ รู้สึกสบายใจที่จะช่วยกันสร้างความชอบธรรมให้กับราคาหุ้นเพื่อให้ทะลวงข้ามแนวต้านไปสู่เป้ามายที่สูงกว่า 40.00 บาท

ราคาหุ้นวานนี้ของ                GL ที่เปิดตลาดที่ราคาบวกไปถึง 0.70 บาท ที่ราคา 22.00 บาท ก็ดูเหมือนจะทำให้บรรดาแมงเม่าทั้งหลาย หลงใหลได้ปลื้มเข้ามาไล่ล่ากันครั้งใหม่ ก่อนที่จะปิดตลาดที่ราคา 21.90 บาท ดูดีไปอีกวันหนึ่งว่า งบไตรมาสสองไม่ต้องตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญเพิ่มเติม

แต่….ข้อเท็จจริงที่เปิดเผยออกมา ชวนให้คิดมากขึ้นอีกว่า การเรียกหลักประกันเพิ่มเติม ซึ่งเป็นที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งระบุว่า “..ที่ดิน 2 แปลง และอาคาร 1 หลัง โดยตั้งอยู่ที่ Hyogo Prefecture ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่า 1,960,000,000 เยนนั้น…” มีเครื่องหมายคำถามตามมามากมาย

เหตุผลเพราะ Hyogo Prefecture คือหนึ่งในพื้นที่หนาแน่นที่สุดของเขต คันไซ ที่ประกอบด้วย 3 เมืองหลักคือ โอซาก้า-โกเบ-เกียวโต …..ซึ่งถือว่าเป็นย่านที่มีที่ดินแพงมาก

การที่บริษัท “กลุ่มสิงคโปร์” ที่มีโครงสร้าง 3 ส่วนตามที่ GL แจ้งเอาไว้ สามารถถือครองที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ย่อมสร้างความมั่นใจได้อักโข …ถ้าหากบังเอิญว่า คนต่างชาติกลุ่มนี้ สามารถซื้อและถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่นได้ตามกฎหมาย

จากการสืบค้นอย่างรอบด้านของทีมงานเจาะลึก พบว่า กฎหมายที่ดินของญี่ปุ่นปัจจุบัน…แม้มีการอนุญาตให้คนต่างชาติสามารถ ซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ได้โดยเปิดเผย แต่ไม่ใช่เป็นกรณีทั่วไป เพราะมีเงื่อนไขกำกับบางประเทศต่างกัน ดังนี้

คนต่างชาติที่ไม่สามารถซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ได้เลย ได้แก่…อินโดนีเชีย เมียนมา เกาะในทะเลแปซิฟิกใต้ และบางประเทศในยุโรป

-คนต่างชาติที่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ แต่ห้ามซื้อที่ดิน ได้แก่ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย จีน  (ยกเว้นถือครองชั่วคราวระยะสั้นมาก)

คนต่างชาติที่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเฉพาะที่มีราคาแพงเกินผืนละ 30 ล้านเยน ขึ้นไป ได้แก่ มาเลเซีย

ข้อเท็จจริงตรงนี้ ..โป๊ะเชะเลย…เพราะการที่ “ลูกค้ากลุ่มสิงคโปร์” ของ GL ขาดคุณสมบัติตามกฎหมายญี่ปุ่น…แล้วหลักประกันที่ GL อ้างถึง ย่อมขาดคุณสมบัติไปด้วย..มิใช่หรือ

อีกกรณีหนึ่ง… “ลูกค้ากลุ่มสิงคโปร์” ที่สามารถถือครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นได้ อาจจะเป็นลูกค้าอุปโลกน์…ขึ้นมาเท่านั้น

ถ้าเป็นทั้งสองอย่าง… หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง..พี่ท่านทัตซึยะ โคโนชิตะ ที่ชี้แจงออกมา…จะว่าอย่างไร

จะสร้างความเชื่อมั่น หรือทำลายความเชื่อมั่น …กันแน่

อิ อิ อิ

Back to top button