TRUE ปักธงเปิดบริการให้สินเชื่อผ่านทรูมันนี่ปีหน้า! ตั้งเป้าลูกค้าแตะ 8 ล้านรายในปี 61

“ทรู มันนี่” เตรียมเพิ่มบริการสินเชื่อให้แก่ลูกค้ากระเป๋าเงินออนไลน์ หลังเน้นการเพิ่มระบบชำระเงินให้ครอบคลุมสินค้า-บริการ พร้อมเพิ่มช่องทางการลงทุน และธุรกิจประกันภายในแพลตฟอร์มเดียว หวังฐานลูกค้าในไทยเพิ่มเป็น 8 ล้านรายในปีหน้า และเป็น 30 ล้านรายในปี 2020


บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด หรือ ทรูมันนี่ ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ตั้งเป้าสร้างฐานลูกค้าให้เข้ามาใช้งานในระบบบริการอีมันนี่ หรือระบบกระเป๋าเงินออนไลน์ กว่า 100 ล้านรายภายในปี 2020 จากฐานผู้ที่มีโอกาสใช้งานประมาณ 2-300 ล้านรายในอาเซียน พร้อมกำหนดแผนในการเพิ่มบริการให้ครอบคลุมเพิ่มเติมนอกเหนือจากการชำระเงิน ไปเป็นช่องทางให้บริการสินเชื่อ การลงทุน และประกัน

โดยในปีนี้จะเน้นการเพิ่มบริการเกี่ยวกับเพย์เมนต์ และช่องทางชำระเงินให้ครอบคลุมมากที่สุดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศร่วมกับทางอาลีเพย์ว่าจะมีจุดรับชำระบริการกว่า 1 แสนจุดภายในสิ้นปีนี้

ขณะที่จะเปิดให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านทรูมันนี่ ที่กำหนดจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2018 และบริการที่เหลืออย่างการลงทุน และประกัน จะทยอยตามออกมาภายในสิ้นปี 2018 เพื่อให้ทรูมันนี่กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับยุคสังคมไร้เงินสด

“เชื่อว่าในประเทศไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่จะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนแล้วในปัจจุบันอย่างการเข้าไปซื้อของในร้านค้าปลีกบางแห่งก็สามารถสแกนบาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน ซึ่งในอนาคตถ้าจุดรับชำระเงินมากขึ้น ความจำเป็นในการใช้เงินสดก็จะลดลง”

เบื้องต้น ทรูมันนี่ ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มฐานลูกค้าในไทยที่ใช้บริการเพิ่มเป็นเท่าตัวในทุกๆปี จากปีที่ผ่านมามีฐานลูกค้าที่ใช้งานเป็นประจำ (Active User) 2 ล้านราย เป็น 4 ล้านรายภายในสิ้นปี 2017 และเพิ่มเป็น 8 ล้านรายในปี 2018 และคาดว่าภายในปี 2020 จะมีฐานลูกค้า 30 ล้านรายในไทย จากเป้าหมาย 100 ล้านรายทั่วภูมิภาค

ทั้งนี้ ในการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสด ทางทรูมันนี่ ก็จะมีการทำแคมเปญอย่าง เมื่อชำระค่าสินค้าจากใน 7-11 ได้รับส่วนลดเงินคืนเข้าในระบบ 5% ทุกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการใช้งาน และจะมีการเพิ่มช่องทางชำระค่าสินค้า และบริการอื่นๆเพิ่มเข้ามาในระบบอย่างต่อเนื่อง

โดยตามแผนการเพิ่มระบบเพย์เมนต์ในปีนี้ จะมีการเพิ่มพวกสินค้าราคาพิเศษ การซื้อตั๋วภาพยนต์ ชำระเงินระบบสั่งอาหารออนไลน์ จองและชำระเงินในร้านอาหาร จองและชำระเงินตั๋วเครื่องบิน ซื้อประกันการเดินทาง บริการโอนเงินสู่ธนาคาร บริการยืมเงิน และการชำระเงินในกองทุนต่างๆ

ขณะที่ในปีที่ผ่านมาทรูมันนี่ เปิดให้บริการใน 6 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนม่าร์ และกัมพูชา มีจำนวนลูกค้า 30 ล้านราย มีเงินหมุนเวียนในระบบ 158,500 ล้านบาท (4,000 ล้านเหรียญ) ถ้านับเฉพาะในกัมพูชาเงินที่หมุนเวียนในระบบทรูมันนี่กว่า 2,000 ล้านเหรียญ เทียบได้มากกว่า 10% ของจีดีพีประเทศ ทำให้เครือข่ายของทรูมันนี่ในกัมพูชามีขนาดใหญ่กว่าธนาคาร

ขณะที่ปัจจุบันการใข้งานเฉลี่ยในประเทศไทยต่อคนต่อครั้งจะอยู่ที่ราว 200 บาท โดยปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 3 ครั้งต่อเดือนในช่วงต้นปี มาเป็น 7 ครั้งต่อเดือนในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และคาดว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ล่าสุด ทรูมันนี่ ยังมีการประกาศความร่วมมือล่าสุด กับ Apple ที่ลูกค้าคนไทย สามารถซื้อแอป และคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นบน App Store หรือชำระค่าบริการ Apple Music และ iTunes ที่สามารถชำระตรงผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของทรูมันนี่ได้ ด้วยการเพิ่มช่องทางชำระเงินจากใน Apple ID ได้โดยตรง

ที่เป็นหนึ่งในแคมเปญ FinLife ภายใต้คอนเซปต์ ‘สมาร์ทใช้จ่าย สบายใช้ชีวิต’ มาเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทรูมันนี่ สามารถใช้ชีวิตในสังคมไร้เงินสดได้ง่ายมากขึ้น ด้วยการนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตในแต่ละวันโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินสด

Back to top button