พัง! ก.ล.ต.สั่ง GL แก้งบด่วน จับตารายได้ดอกเบี้ยหายวับ 500 ลบ.

พัง! ก.ล.ต.สั่ง GL แก้งบด่วน หลังกล่าวโทษ "มิทซึจิ โคโนชิตะ" อดีตผู้บริหาร ฐานทุจริต-อำพราง-ยักยอก ยินยอมให้ลงบัญชีและทำบัญชีสูงเกินจริง จับตารายได้ดอกเบี้ยหายวับ 500 ลบ.


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ต.ค.60 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายมิทซึจิ โคโนชิตะ อดีตผู้บริหารบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในความผิดเกี่ยวกับการทุจริต เข้าข่ายเป็นธุรกรรมอำพราง การยักยอก ยินยอมให้ลงบัญชีและทำบัญชีไม่ตรงต่อความเป็นจริง

ดังนั้นจึงมีผลทำให้งบการเงินของ GL แสดงรายการเงินให้กู้ยืมสูงกว่าความเป็นจริง 54 ล้านเหรียญสหรัฐ และเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 14-25 ต่อปี จึงส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยจากการประกอบธุรกิจสูงกว่าความเป็นจริงไปด้วย โดยข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้งบการเงินของ GL ไม่เป็นไปตามมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ

ล่าสุด ก.ล.ต. ได้แจ้งให้ GL เร่งแก้ไขงบการเงินให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงโดยเร็ว โดยหาก GL ไม่แก้ไขงบการเงิน แบบรายงาน 56-1 และแบบรายงาน 56-2 ให้ถูกต้อง ตรงต่อความเป็นจริง อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ

รวมทั้งหากกรรมการของบริษัทไม่ดำเนินการให้มีการแก้ไขงบการเงินให้ถูกต้อง โดยยินยอมให้งบการเงินเป็นเท็จ ไม่ถูกต้อง หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง อาจส่งผลให้มีความผิดตามมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกันด้วย

ทั้งนี้ กรณีที่ผู้สอบบัญชีพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก็อาจทำให้จำนวนเงินที่ GL ต้องแก้ไขในงบการเงินเพิ่มขึ้นจากที่กล่าวข้างต้นได้

โดยหากคำนวณเงินกู้ยืมจากวงเงินที่สูงกว่าความเป็นจริง 54 ล้านเหรียญสหรัฐ และเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่ระดับ 35 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 จะพบว่าเงินกู้ยืมดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 1.89 พันล้านบาท และเมื่อคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาสูงสุดร้อยละ 25 ต่อปี จะคิดเป็นดอกเบี้ยเท่ากับ 472.50 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากคำนวณวงเงินกู้ยืมในดังกล่าว ในอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทปัจจุบันที่ระดับ 33 บาท ณ วันที่ 19 ต.ค.60 จะพบว่าเงินกู้ยืมดังกล่าวมีมูลค่า 1.78 พันล้านบาท และเมื่อคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาสูงสุดร้อยละ 25 ต่อปี จะคิดเป็นดอกเบี้ยเท่ากับ 445.50 ล้านบาท

 

สำหรับ มาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ (การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงิน และผลการดำเนินงาน) ให้บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ตาม มาตรา 32 มาตรา 33 หรือ มาตรา 34 จัดทำและส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัทต่อสำนักงานดังต่อไปนี้
(1) งบการเงินรายไตรมาสที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว
(2) งบการเงินประจำงวดการบัญชีที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบและแสดงความเห็นแล้ว
(3) รายงานประจำปี
(4) รายงานการเปิดเผยข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับบริษัทตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
งบการเงินและรายงานตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด การกำหนดดังกล่าวให้คำนึงถึงมาตรฐานที่คณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสอบบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยผู้สอบบัญชีได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้วด้วย

ส่วน มาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ เป็นบทกำหนดโทษผู้บริหารที่กระทำหรือยินยอมให้กระทำความผิดเกี่ยวกับบัญชีหรือเอกสาร โดยกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ กระทำหรือ ยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้

(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีเอกสารหรือ หลักประกันของนิติบุคคลดังกล่าวหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลดังกล่าว

(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น หรือ

(3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง

ถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำเพื่อลวงให้นิติบุคคลดังกล่าวหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ หรือลวงบุคคลใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท

 

Back to top button