THANI ลุ้นกำไร Q3 โตกระฉูด

มีการวิเคราะห์กันว่า THANI จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 60 จะออกมาดีมากที่ราว 280-300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9-16% จากไตรมาสก่อน และดีที่สุดในประวัติการณ์อีกครั้ง เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯ ลดลง ต้นทุนทางการเงินลดลง และสินเชื่อที่ขยายตัวตามยอดขายรถบรรทุกที่ดีต่อเนื่อง


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์กันว่า บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 60 จะออกมาดีมากที่ราว 280-300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9-16% จากไตรมาสก่อน และดีที่สุดในประวัติการณ์อีกครั้ง เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯ ลดลง ต้นทุนทางการเงินลดลง และสินเชื่อที่ขยายตัวตามยอดขายรถบรรทุกที่ดีต่อเนื่อง

ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ปี 60 คาดว่ายังมีโมเมนตัมที่ดีและ new high ต่อตามฤดูกาล และแรงเสริมหลักจากการตั้งสำรองฯ ที่ลดลงโดยเฉพาะ General reserve ที่ตั้งเผื่อสำหรับมาตรฐานบัญชี IFRS 9 น่าจะเพียงพอและได้ตามเป้าหมายได้ในไตรมาส 3 ปี 60 นี้ ซึ่งน่าจะทำให้กำไรไตรมาส 4 ปี 60 โดดเด่นมาก

นอกจากนี้ ปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 3% เป็น 1,120 ล้านบาท (EPS 0.47 บาท) เพิ่มขึ้น 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2561 ขึ้น 10% เป็น 1.34 พันล้านบาท (EPS 0.56) หรือ เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในปี 2561 โมเมนตัมการเติบโตของสินเชื่อรถเชิงพาณิชย์จะดีขึ้นตามภาคการลงทุนภาคเอกชนที่จะฟื้นตัวมากขึ้น THANI ตั้งเป้าหมายการเติบโตปี 2561 ที่ 12% โดยเน้นรถบรรทุกเก่าและรถ Luxury

อีกทั้งมีการปรับลดคาดการณ์การตั้งสำรองทั่วไป (General Reserve) ปี 2561 ลงมาที่ 1% จาก 1.28% ในปี 2560 และปรับคาดการณ์ Interest Spread ขึ้นเป็น 4.74% ใกล้เคียงกับปี 2560 เนื่องจากมีหุ้นกู้ Refinance อีกหลายชุดซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ยังไม่สะท้อนอันดับเครดิตใหม่

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 810.30 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 740.78 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 258.01 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 216.62 ล้านบาท หรือ 0.09 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,598.75 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,464.99 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 503.81 ล้านบาท หรือ 0.21 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 426.18 ล้านบาท หรือ 0.18 บาทต่อหุ้น เป็นการตอกย้ำถึงความสามารถในการทำกำไร

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 2561 ที่ราว 8.40 บาท ระยะสั้นมีผลประกอบการ 2H17 เป็น Catalyst

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) 1,574,951,400 หุ้น 65.18%
  2. THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED 107,670,000 หุ้น 4.46%
  3. นายเจริญสุข กิจอิทธิ 89,657,318 หุ้น 3.71%
  4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 65,884,468 หุ้น 2.73%
  5. นางเนาวนารถ จามรมาน 22,800,000 หุ้น 0.94%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการ
  2. นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการบริหาร
  3. นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการผู้จัดการ
  4. นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการ
  5. นายเจริญสุข กิจอิทธิ กรรมการ

Back to top button