Daily Theme – บล.เคที ซีมิโก้

สรุปภาวะตลาดวันทำการก่อนหน้า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นดีต่อเน …


สรุปภาวะตลาดวันทำการก่อนหน้า
ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นดีต่อเนื่อง จากแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยหุ้นกลุ่มปิโตรและอิเล็กทรอนิกส์ปรับขึ้นได้ดี ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ ส่วนใหญ่มีทิศทางบวกต่อเนื่อง จากมุมมองบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้
คาดดัชนี ปรับขึ้นต่อเนื่อง แนวต้าน 1720/1730 จุด แนวรับ 1712/1700 จุด โดยปัจจัยจากต่างประเทศโดยรวมยังมีทิศทางบวกต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากการประกาศจีดีพี 3Q60 ของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 8 เดือน น่าจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับสูงขึ้น ขณะที่ตลาดคาดหวังต่อมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์คาดว่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐเติบโต 3-5% ในระยะยาว ด้านปัจจัยจับตาสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุมเฟด/BE และการเมืองในสเปน
สัญญาณด้านเทคนิค มีทิศทางเชิงบวก โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1720/1730 จุด ขณะที่แนวต้านหลักอยู่ที่ 1750 จุด

ประเด็นสำคัญวันนี้
1) + สหรัฐ: 3Q60 จีดีพี ขยายตัวที่ระดับ 3.0%QQ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% (ดูรายละเอียดในเล่ม)
2) + ไทย: สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยดัชนีรายได้เกษตรกร ในระยะ 9 เดือน ปี 60 (ม.ค ณ ก.ย. 60) อยู่ที่ระดับ 155.34 เพิ่มขึ้น 8.88%YY จากดัชนีผลผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.50% ในขณะที่ดัชนีราคาปรับตัวลดลง 1.47%
3) + น้ำมัน: ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 2.4% ปิดที่ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบเกือบ 8 เดือน หลังจากซาอุดิอาระเบียและรัสเซียออกมาประกาศให้การสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า
4) ณ สเปน: รัฐสภาแคว้นกาตาลุญญาประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน โดยได้รับเสียงสนับสนุน 70 เสียง คัดค้าน 10 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง ด้านรัฐบาลสเปนประกาศสั่งปลดผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ออกจากตำแหน่ง และให้มีการจัดเลือกตั้งในวันที่ 21 ธ.ค. นี้

กลยุทธ์
เลือกเก็งกำไรรายตัว (กำหนดจุดตัดขาดทุน 1700 จุด)

หุ้นแนะนำ เก็งกำไรระยะสั้น (Trading Buy ทางเทคนิค)
หุ้นเก็งผลประกอบการ 3Q60E ได้แก่ ORI UV MTLS IRPC

หุ้นแนะนำทางเทคนิค

MINT
ปิด 42.75 บาท +1.25 บาท (+3.01%)
ราคาถือว่ากำลังทดสอบแนวต้าน 42.75 บาท ถ้าผ่านได้สำเร็จ จะเป็นการเปิดพื้นที่ให้ราคาขยับตัวขึ้นไปได้ไกลขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะทำสำเร็จ หลัง Volume และ RSI ยังคงหนุน
คำแนะนำ: ซื้อเก็งกำไร
แนวรับ: 40 / 38 บาท
แนวต้าน: 42.75 / 45.50 บาท

ORI
ปิด 20 บาท +1.10 บาท (+5.82%)
ราคาได้ขึ้นมาที่แนวต้าน High เดิม 20.20 บาท จึงมีความสำคัญมาก เพราะถ้าราคา Beakout ขึ้นไปได้ ราคาจะทำ All Time High และด้านบนจะมีแนวต้านเบาบาง ซึ่งหมายถึงราคาจะขยับตัวขึ้นไปได้ไกล
คำแนะนำ: ซื้อเก็งกำไร
แนวรับ: 18.90 / 18.10 บาท
แนวต้าน: 20.20 / 21.20 บาท

PLANB
ปิด 7.15 บาท +0.15 บาท (+2.14%)
ราคาได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระยะทดสอบแนวต้าน 7.25 บาท และหากผ่านขึ้นไปได้สำเร็จ ราคาจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีโอกาสที่จะทำ New high ได้ด้วย
คำแนะนำ: ซื้อเก็งกำไร
แนวรับ: 6.50 / 6 บาท
แนวต้าน: 7.25 / 7.60 บาท

ประเด็นสำคัญ

สหรัฐ เผยเศรษฐกิจโต 3.0% ใน Q3/60 สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 2.5%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5%
การขยายตัวของเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสินค้าคงคลัง และการขาดดุลการค้าที่ลดลง แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนในภาคก่อสร้างได้ชะลอตัวลงจากอิทธิพลของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์ และเออร์มา ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 2
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า แม้จะเป็นเรื่องยากในการประเมินความเสียหายโดยรวมของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์ และเออร์มาต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 3 แต่การประมาณการเบื้องต้นพบว่าพายูเฮอร์ริเคนได้สร้างความสูญเสียต่อสินทรัพย์คงที่ของภาคเอกชนราว 1.21 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สินทรัพย์คงที่ของภาครัฐเสียหายราว 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ ยังเปิดเผยว่า การลงทุนในสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.58 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีส่วนช่วยหนุนตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 คิดเป็นสัดส่วน 0.73% การส่งออกเพิ่มขึ้น 2.3% ขณะที่การนำเข้าลดลง 0.8% ส่งผลให้การขาดดุลการค้าลดลง และมีส่วนช่วยหนุนตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 คิดเป็นสัดส่วน 0.41% อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.4% หลังจากพุ่งขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2

ข่าวบริษัทจดทะเบียน และกลุ่มอุตสาหกรรม (ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น, หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น, สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

TTCL
วันนี้ TTCL แถลงข่าวใหญ่ โครงการโรงไฟฟ้าในเมียนมา 1,280 MW มูลค่ากว่า 9.8 หมื่นล้านบาท หลังเซ็นสัญญาร่วมทุนและสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวกับรัฐบาลแห่งรัฐ Kayin ดันงานในมือทะลุ 1.13 แสนล้านบาท คาดเริ่มงานต้นปี 2561 ขณะที่อยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่อีกกว่า 1.3 แสนล้านบาท

ECF
ECF แย้มศึกษาตั้ง บ.แพลนเนทบอร์ด เตรียมบุกธุรกิจผลิต-จำหน่ายแผ่นไม้ เอ็มดีเอฟบอร์ด-ปาร์ติเกิลบอร์ด กำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 600-800 ลูกบาศก์เมตร/วัน หวังเจาะตลาดผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ มองการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี

TOT
TOT รับมอบโครงข่ายโทรศัพท์บ้าน 2.6 ล้านเลขหมาย มูลค่าสุทธิทางบัญชี 4,700 ล้านบาท หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน กับ TRUE พร้อมลูกค้ากว่า 8 แสนราย ลั่นให้บริการต่อเนื่อง ตั้งเป้าเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ใน 8 ปี

KTB
แบงก์กรุงไทย (KTB) ปั้มสินเชื่อรายย่อยปีนี้โตตามเป้า 4-5% มั่นใจเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายยังผลักดันได้ ส่วนยอดขายกองทุน-ประกันผ่านแบงก์ยังเติบโตดี ตั้งเป้าขายกองทุนปีนี้ไม่ต่ำกว่า40% ประกันไม่ต่ำกว่า 16.7%

CK
CK ใส่เกียร์เดินหน้าออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาท ชูดอกเบี้ยยั่วใจสูงสุด 3.34% เสนอขายรายใหญ่ 1-2 พฤศจิกายน นี้ ระดมเงินเข้าพอร์มอัพแกร่งธุรกิจ-ปู ทางรองรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต

PLANB
PLANB เดินหน้ารุกธุรกิจสื่อดิจิตอลต่างประเทศ จ่อผนึกกำลังพันธมิตรใหม่มาเลเซีย หวังขยายอัตราการใช้ป้ายสื่อเพิ่มเท่าตัว หนุนผลงานเติบโตก้าวกระโดด พร้อมโชว์ฟอร์มโค้งส่งท้าย รับไฮซีซัน มั่นใจสิ้นปีผลงานโตเข้าเป้า 10-15%

SYNTEC
จับกระแส SYNTEC อยู่ระหว่างรอผลประมูลงาน 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดรู้ผล Q4/2560 จำนวน 12 โครงการ มั่นใจปีนี้ผลงานหรู รายได้ตามเป้า 8.5 พันล้านบาท ตุน Backlog 1.2 หมื่นล้านบาท เล็งลุยผลงานวางระบบสาธารณูปโภคเต็มสูบ

SGP
SGP โดดรับราคาแอลพีจีพุ่งเฉียด 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หนุนครึ่งหลังปี 2560 สวย บิ๊ก “จินตณา กิ่งแก้ว” ย้ำเป้าปีนี้รายได้แตะ 6 หมื่นล้านบาท รับดีมานด์ทะลัก แถมเดินเกมลุยเจาะต่างแดน พร้อมรับอานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อน

ORI
ORI เด่นเหนือคู่แข่งคาดผลประกอบการช่วงปี 2561-2564 เติบโต 23.4% อีกทั้งมูลค่างานในมือที่เพิ่มสูงขึ้น เดินหน้าลุยตลาดคอนโดเจาะกลุ่ม High-End หวังขึ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้พัฒนาโครงการคอนโดในกรุงเทพฯ ภายในปี 2563

WHA
WHA คาด รับรู้กำไรจากบริษัทร่วม และการ COD โรงไฟฟ้า ในไตรมาส 3/2560 ขณะที่ไตรมาส 4/2560 มีแนวโน้มสดใสเล็งบุ๊กกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนกว่า 4.87 พันล้านบาท

BPP
BPP เซ็นสัญญาจ้าง BANPU บริหารงานต่ออีก 2 ปี มูลค่า 288 ล้านบาท หลังสัญญาหมดอายุเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ลุ้นผลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นภายในเดือนพ.ย.นี้ ฟุ้งครึ่งปีขายไฟแล้ว 2057 เมกะวัตต์

SAPPE
SAPPE อัดฉีดงบการตลาด กระตุ้นยอดขาย ส่งซิกผลงานโตสดใส มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 10% เล็งผุดสินค้าใหม่ต่อเนื่อง พร้อมตั้งตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่ม เล็งย้ายโรงงานบางชันไปโรงงานคลอง 13 หวังควบคุมการผลิต

ข่าวเศรษฐกิจ รัฐบาลโปรตุเกสออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า โปรตุเกสไม่ยอมรับการประกาศเอกราชแต่เพียงฝ่ายเดียวของแคว้นกาตาลุญญา รัฐบาลโปรตุเกสกล่าวว่า โปรตุเกสขอประณามการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรมในสเปน ซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบกฎหมายของสหภาพยุโรป

แถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลโปรตุเกสเชื่อว่าสถาบันประชาธิปไตยของสเปนจะเรียกคืนหลักนิติธรรมและระบอบรัฐธรรมนูญกลับมาได้ ผ่านกรอบการทำงานตามธรรมชาติด้วยการพูดคุยอย่างเป็นประชาธิปไตย เพื่อรักษาสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทุกคน ตลอดจนสร้างความมั่นใจว่าได้มีแนวทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพของสเปน
ทั้งนี้ แคว้นกาตาลุญญาซึ่งเป็นหนึ่งในแคว้นที่ร่ำรวยมากที่สุดในสเปนได้จัดการลงประชามติแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญสเปนได้มีคำวินิจฉัยว่าการลงประชามติครั้งดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ข่าวเศรษฐกิจ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีขึ้นสู่ระดับ BBB จากระดับ BBB- พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือ “มีเสถียรภาพ” โดยระบุว่า เศรษฐกิจอิตาลีฟื้นตัวขึ้นเพราะได้ปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชน รวมทั้งการที่รัฐบาลดำเนินนโยบายปรับลดการขาดดุลงบประมาณ

S&P คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอิตาลีจะขยายตัวราว 1.4% ในปี 2560 และคาดว่า GDP ในช่วงปี 2561-2562 จะขยายตัวราว 1.3% นอกจากนี้ S&P ยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลอิตาลีจะสามารถบรรลุเป้าหมายการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณซึ่งกำหนดไว้ที่ระดับ 2.1% ของตัวเลข GDP

ข่าวเศรษฐกิจ แหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นประธานเฟดคนใหม่แทนนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน โดยเขาใกล้ที่จะเปิดเผยชื่อในไม่ช้า นักวิเคราะห์ระบุว่า นายพาวเวลมีความได้เปรียบในการทำให้ปธน.ทรัมป์เห็นว่าเขาสามารถสร้างความแตกต่างจากนางเยลเลน แต่ในขณะเดียวกัน สามารถรักษานโยบายหลายๆอย่างของนางเยลเลนซึ่งได้ช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ

“หากปธน.ทรัมป์เชื่อว่ามาตรการของนางเยลเลนเหมาะที่สุดในการส่งเสริมให้ตลาดขยายตัว เขาก็จะหาประธานเฟดคนใหม่ที่จะดำเนินตามรอยนางเยลเลน แต่อยู่ภายใต้แบรนด์ของทรัมป์ ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ไม่ใช่นางเยลเลนก็คือนายพาวเวล” นักวิเคราะห์จากบีคอน โพลิซี แอดไวเซอร์ ระบุในรายงาน

ก่อนหน้านี้ ตลาดการเงินมองว่านายพาวเวล และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เป็น 2 ตัวเก็งที่ปธน.ทรัมป์พิจารณาคัดเลือกเป็นประธานเฟด
ทั้งนี้ นายพาวเวลเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบ ซึ่งสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของนางเยลเลน ส่วนนายเทย์เลอร์เป็นนักวิชาการสายเหยี่ยว ซึ่งเน้นการคุมเข้มนโยบายการเงิน และสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่านางเยลเลน มีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะเลือกทั้งนายพาวเวล และนายเทย์เลอร์

โดยให้คนหนึ่งเป็นประธานเฟดแทนนางเยลเลน ซึ่งจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า และอีกคนหนึ่งแทนนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด วัย 74 ปี ซึ่งได้ลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 13 ต.ค.

Back to top button