เปิดโผกองทุนรวมให้ผลตอบแทนสูงในไตรมาส 3 ปี 60

แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 สามารถทำผลตอบแทนได้สูงถึง 6.25% แต่ดูเหมือนว่าความเชื่อมั่นที่มีต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของผู้ลงทุนไทยยังคงเป็นไปแบบกล้าๆ กลัวๆ


เส้นทางนักลงทุน

ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 สามารถทำผลตอบแทนได้สูงถึง 6.25% แต่ดูเหมือนว่าความเชื่อมั่นที่มีต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของผู้ลงทุนไทยยังคงเป็นไปแบบกล้าๆ กลัวๆ  ส่งผลให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและปานกลางยังคงได้รับความนิยมในไตรมาส 3 ปี 2560 ที่ผ่านมานี้โดยที่ในไตรมาส 3 ปี 2560 กองทุนรวมทั้งอุตสาหกรรมมีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิ 69,013 ล้านบาท

โดยเทรนด์การลงทุนส่วนใหญ่ของผู้ลงทุนในช่วงที่ผ่านมานั้นจะเน้นเรื่องของการลงทุนในต่างประเทศที่ตลอด 9 เดือนนี้มีเม็ดเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศแล้วกว่า 153,323 ล้านบาท ขณะที่ลงทุนสินทรัพย์ภายในประเทศสุทธิเพียง 50,256 ล้านบาท

มีการเน้นลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง ดังจะเห็นได้จากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุนประเภท Foreign Investment Bond Fix Term, Short Term Bond, Global Bond (โดยเฉพาะกองทุนจำพวก Global Income), Global Allocation และ Conservative Allocation อย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 9 เดือนที่ผ่านมานี้

ขณะที่กองทุนที่เงินไหลออกมากที่สุดในรอบ 9 เดือนนี้ได้แก่ กองทุนในกลุ่ม High Yield Bond แบบที่มีการกำหนดอายุ (Fix Term Fund) ทั้งที่ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และรวมไปถึงกองทุนในกลุ่มหุ้นต่างประเทศที่ทำผลตอบแทนได้ดีส่งผลให้ผู้ลงทุนบางส่วนขายทำกำไรออกมา

การลงทุนในกองทุนแบบระยะยาวมากขึ้นโดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศที่ปัจจุบันนี้การลงทุนในกองทุนต่างประเทศแบบที่ไม่ได้มีการกำหนดอายุ (มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 595,306 ล้านบาท) นั้นมีสัดส่วนที่มากกว่าแบบที่กำหนดอายุ (Fix Term Fund, มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 561,486 ล้านบาท) ไปแล้ว ซึ่งการลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (ไม่นับรวมประเภท Term Fund) นี้นั้นยังคงได้รับความนิยมและยังคงเดินหน้าทำสถิติอย่างต่อเนื่อง

สิ่งสำคัญ กองทุนรวมสามารถให้ผลตอบแทนสูงในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560  อันได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ หรือ TU-PF ให้ผลตอบแทน  24.49%, กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไชน่า หรือ  ASP-CHINA ให้ผลตอบแทน 18.13%

กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลด์ หรือ GOLDPF ให้ผลตอบแทน 16.07%, กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิคปันผล หรือ KFDNM-D ให้ผลตอบแทน 13.80%, กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิค หรือ KFDYNAMIC ให้ผลตอบแทน 13.69%, กองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity หรือ TMBCOF ให้ผลตอบแทน 13.22%, กองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือTMBCORMF ให้ผลตอบแทน 12.72%

กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ หรือ MS-CHINA VALUE ให้ผลตอบแทน 12.66%, กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ดัชนีธุรกิจพลังงานและธุรกิจปิโตรเคมีและเคมี หรือ CIMB-PRINCIPAL EPIF ให้ผลตอบแทน 12.16% และกองทุนเปิดกรุงศรีทุนทวี 2 หรือ KFTW2 ให้ผลตอบแทน 12.13%

นอกเหนือจากกองทุนที่นำเสนอก็ยังมีกองทุนรวมให้ผลตอบแทนสูงเกิน 10% อีกหลายๆ ตัวดูได้จากตารางประกอบ

ดังนั้น เชื่อว่า ด้วยผลตอบแทนสูงของกองทุนรวมดังกล่าวจะยังคงช่วยดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในช่วงท้ายปีได้อีก!!

Back to top button