คนจนทั้งประเทศ

พลันที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประกาศ “ปีหน้าคนจนหมดประเทศ” โลกโซเชียลก็ฮาสนั่น บ้างย้อนถาม แปลว่าคนจนจะหมดจากประเทศไทย หรือคนจะจนหมดทั้งประเทศไทย บ้างก็ล้อว่าอาจเป็นจริงได้นะ ถ้ารัฐบาลสั่งให้ใช้คำว่า “ผู้มีรายได้น้อย” แทน “คนจน” เหมือนน้ำท่วมให้เรียกว่า “น้ำรอระบาย”


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง 

พลันที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประกาศ “ปีหน้าคนจนหมดประเทศ” โลกโซเชียลก็ฮาสนั่น บ้างย้อนถาม แปลว่าคนจนจะหมดจากประเทศไทย หรือคนจะจนหมดทั้งประเทศไทย บ้างก็ล้อว่าอาจเป็นจริงได้นะ ถ้ารัฐบาลสั่งให้ใช้คำว่า “ผู้มีรายได้น้อย” แทน “คนจน” เหมือนน้ำท่วมให้เรียกว่า “น้ำรอระบาย”

แหม เพิ่งขึ้นทะเบียนคนจน 14 ล้านคน บอกปีหน้าคนจนจะหมดไป เก่งอะไรปานนั้น แค่แจกตังค์เดือนละ 2-300 หายจนได้

พูดอย่างนี้ไม่ใช่ปรามาสว่าไม่มีทางแก้ปัญหา ว่าที่จริง รัฐบาลก็มุ่งมั่นตั้งใจ เพียงแต่คำคุยนั้นเว่อร์ไป สวนความรู้สึกชาวบ้าน ที่กำลังฝืดเคืองเรื่องปากท้อง จึงกลายเป็นตลกร้าย ให้เหน็บแนมกันไปทั่ว บ้างก็ว่าใช่เลย เรากำลังจะเป็นสังคมไร้เงินสด เพราะไม่มีเงินใช้

นี่เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อนไม่ทราบ ของทีมสมคิด ซึ่งมักจะคุยโอ่เกินผลงาน สมคิดจบเอกบริหารธุรกิจด้านการตลาด เช่นเดียวกับสุวิทย์เมษินทรีย์ผู้ชูจุดขายไทยแลนด์ 4.0 นักการตลาดรู้ดีว่าถ้าสามารถสร้างความรู้สึกจำแลงที่ดีขึ้นในหมู่ผู้บริโภค ก็สามารถกระตุ้นตลาด กระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ถ้าเว่อร์ไป ก็ย้อนกลับเช่นนี้แล

เศรษฐกิจไทยฟื้นจริงไหม ฟื้นสิ ก็ตัวเลขดี๊ดี ทั้งจีดีพี ส่งออก ท่องเที่ยว แต่ภาคเกษตรยังฟุบไม่ฟื้น และคงไม่ฟื้นไปอีกนาน เศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนโครงสร้าง ไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี แบบ AI อีคอมเมิร์ซ ฯลฯ ลดการใช้แรงงาน คนเดือดร้อนจึงได้แก่เกษตรกรและลูกจ้าง กระทั่งเด็กจบปริญญาก็หางานยาก มันจึงเกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย หรืออันที่จริงคือ ไปโลดเฉพาะบางภาค ที่เหลือลำบากถ้วนหน้าแถมมองไม่เห็นอนาคต

นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงทั้งโลก โทษรัฐบาลไม่ได้ แต่รัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน ช่วยพยุง ประคับประคองแต่ละภาคส่วนในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งก็ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าช่วยถูกจุดหรือไม่ ทำไมช่วยกลุ่มนั้น ไม่ช่วยกลุ่มนี้ ฯลฯ ทั้งด้านนโยบายและท่าที

เช่นนโยบายส่งเสริมการลงทุน ไทยแลนด์ 4.0 กระตุ้น EEC ถูกภาคประชาสังคมโวยว่ารัฐยอมลดภาษีให้ถึง 2 แสนล้านบาท ทั้งที่มีการจ้างงานเพียง 55,000 คนขณะที่ชาวสวนยางก็ไม่พอใจที่ถูกไล่ไปขายดาวอังคาร เอาแกนนำเข้าค่ายทหาร

เห็นใจนะว่าการบริหารความขัดแย้งในภาวะเช่นนี้เป็นเรื่องยาก ถ้าเป็นรัฐบาลเลือกตั้งอาจถูกไล่ไปแล้วหลายรอบ แต่พอเป็นรัฐบาลทหาร มีอำนาจเบ็ดเสร็จ คนเห็นต่างไม่มีปากเสียง มันก็สั่งสมความอึดอัด

ขนาดชาวบ้านตั้งตารอการปรับคณะรัฐมนตรี หวังว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นบ้าง ท่านก็ยังห้ามวิพากษ์วิจารณ์

ม.หอการค้าไทยเพิ่งสำรวจนักธุรกิจภูมิภาค ชี้ว่ากว่าจะรับรู้การฟื้นตัว ก็คงปลายไตรมาสสองปีหน้า นั่นขนาดพ่อค้า แล้วเมื่อไหร่ชาวบ้านจะรู้สึกดีขึ้น

ภาวะอย่างนี้ ระวังอารมณ์คนจะทวีขึ้นด้วย 2 สาเหตุ หนึ่งคือความรู้สึกเหลื่อมล้ำ รวยกระจุก จนกระจาย รวมทั้งการใช้มาตรการแยกคนจนออกจาก “คนเฉียดจน” แบบจบปริญญาโทได้บัตรคนจน แต่คนเงินเดือน 9 พันถูกตัดสิทธิใช้รถเมล์รถไฟฟรี

สองคือความหงุดหงิดต่อรัฐราชการ ทั้งความมีอภิสิทธิ์ การใช้อำนาจ ความไร้ประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส แต่เป็นใหญ่จนชาวบ้านไม่สามารถมีปากเสียง

คนจนหมดประเทศไหม ไม่รู้เหมือนกัน แต่มีความเป็นไปได้ ที่จะหงุดหงิดกันทั้งประเทศ

Back to top button