“นายใหญ่” เรียก GL คืนหนี้ทันที! ส่อช้ำหนักถึงขั้นล้มละลาย แถมโดนฮุบ “ธุรกิจจริง” ในอินโด

กลุ่มเจทรัสต์หมดความอดทน ฉีกสัญญาหุ้นกู้ฯ ของ “กรุ๊ปลีส” หรือ GL ด้วยการเรียกหนี้คืนทันที 6 พันล้านบาท ระบุชัด พร้อมฮุบบริษัทร่วมทุนที่เป็นธุรกิจจริงของ GL ในอินโดฯ หายวับโดยปริยาย ฟาก “สาวก” ระส่ำเงินก้นถุงไม่พอจ่ายหนี้ เหลือแค่ 3.7 พันล้านบาท จับตาหากโดน Cross Default Clause มีสิทธิล้มละลายสูง


ผู้สื่อข่าวรายงาน สืบเนื่องจากกรณี เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2560 บริษัท J Trust Co., Ltd. จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ และเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาผูกพัน หลัง นายมิทซึจิ โคโนชิตะ อดีตผู้บริหารของ GL ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประเทศไทย กล่าวโทษทางอาญา ซึ่งวันนั้นมีการกำหนดไว้ 3 แนวทางนั้น

ล่าสุด วานนี้ (30 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันครบกำหนดระยะเวลาที่ J Trust ต้องดำเนินการสรุปเพื่อเลือกแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และชี้แจงต่อผู้ถือหุ้นรวมถึงสาธารณะให้ได้รับทราบ โดย J Trust ได้ทำการออกหนังสือแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันของ GL และการกำหนดแนวทางสำหรับอนาคต

โดยในหนังสือฉบับดังกล่าวระบุว่า J Trust ได้เรียกร้องให้ GL ดำเนินการชำระหนี้ที่เหลืออยู่จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debenture) คืนทั้งจำนวน รวมถึง J Trust จะหยุดให้การสนับสนุนด้านเงินทุนทั้งหมดแก่ GL

ขณะที่วานนี้ J Trust Asia Pte., Ltd. หรือ JTA ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และในฐานะผู้ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อ GL เพื่อยกเลิกข้อตกลงต่างๆ ตามสัญญาของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ยังเหลืออยู่อีก 2 ชุด คิดเป็นมูลค่ารวม 180 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6 พันล้านบาท อีกทั้งได้มีการกำหนดให้ GL ในฐานะลูกหนี้ต้องชำระคืนหนี้จำนวนดังกล่าวทั้งหมดในทันที รวมถึงได้แสดงความจำนงในการเข้าครอบครองกิจการทั้งหมดของ บริษัท PT Group Lease Finance Indonesia หรือ GLFI ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GL และ JTA อีกด้วย

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า ข้อเรียกร้องโดยกลุ่ม J Trust ข้างต้นมีลักษณะของเงื่อนไขที่ใกล้เคียงกับการกำหนดแนวทางใน “กรณีที่ 1” ซึ่งเคยระบุเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า หาก GL เลือกที่จะคงไว้ซึ่งโครงสร้างการบริหารและโครงสร้างการถือหุ้น โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทาง J Trust จะยุติสัญญาการร่วมลงทุนใน GLFI (ในสัดส่วนของ GL) โดย J Trust จะดำเนินการเพื่อเป็นผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

ขณะเดียวกัน ภายใต้เงื่อนไขของกรณีนี้ J Trust ระบุว่า จะดำเนินการยกเลิกสัญญาหุ้นกู้ฯโดยจะนำมาซึ่งการเรียกไถ่ถอนคืนก่อนกำหนดและเรียกชำระเงินคืนด้วยการฟ้องล้มละลายหรือการฟื้นฟูกิจการ ตามลำดับ รวมถึงมีการระบุด้วยว่าจะดำเนินการขายหุ้น GL ที่ปัจจุบันถือครองอยู่ 122.16 ล้านหุ้น หรือราว 8.01% ทิ้งทั้งจำนวน อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า J Trust ไม่ได้มีการระบุถึงการขายหุ้นไว้ในหนังสือฉบับล่าสุดแต่อย่างใด

นอกจากนี้ มีการระบุด้วยว่า J Trust อาจดำเนินการฟ้องร้องคณะกรรมการและผู้บริหารของ GL รวมถึงผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ซึ่งกรณีนี้คือ บริษัท สำนักงานอีวาย จำกัด ต่อมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่ามีการระบุไว้ในหนังสือฉบับล่าสุดเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถานะทางการเงินของ GL หลังสิ้นสุดไตรมาส 3/2560 หรืองวดสิ้นสุด 30 ก.ย. 2560 พบว่า บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเหลืออยู่ราว 3.73 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยกว่ามูลหนี้ที่ต้องทำการชำระคืนให้แก่ J Trust อยู่ถึงราว 2.27 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทฯยังมีภาระหนี้สินหลักอีกหนึ่งก้อนจากการขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้กับ บริษัท Creation Investments Sri Lanka LLC จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 660 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนหนี้นอกเหนือจากการมีภาระชำระต่อ J Trust

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ซึ่งทาง J Trust ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อเรียกร้องถึง GL อย่างเป็นทางการแล้ว คาดว่าจะมีการกำหนดวันและเวลาร่วมกันสำหรับการชำระอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตาว่า กรณีที่ GL หากว่าไม่สามารถชำระหนี้จำนวนดังกล่าวได้จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อย่างไรหรือไม่

“ถือว่าชัดเจนครับ กรณีมีการละเมิด Bond Covenants โดยทั่วไปๆ ทางเจ้าหนี้มีสิทธิยกเลิกสัญญาแล้วเรียกเงินคืนได้ทันที ซึ่งกรณีนี้เบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นการยกเลิกสัญญาก่อน จากนั้นคงมีการกำหนดชำระต่อไป โดยประเด็นที่น่าสนใจคงอยู่ที่ว่าเงินสดที่ GL มีขณะนี้ไม่น่าเพียงพอต่อการจ่ายหนี้คืน J Trust ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้าหนี้รายอื่นด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นต้องมาดูกันครับว่าถ้ามีการ Default เกิดขึ้นผลจะเป็นอย่างไร หรือ GL อาจใช้วิธีชำระคืนด้วยหุ้น GLFI ที่มีอยู่ด้วยก็ได้ แต่นั่นหมายถึง GL จะสูญเสียธุรกิจที่เป็นตัวทำรายได้จริงๆไปในทันที ซึ่งปัจจุบันไม่เป็นที่แน่ชัดว่าธุรกิจในส่วนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง” แหล่งข่าวจากวงการการเงินกล่าวกับทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจ”

Back to top button