DCORP แจงตลาดฯ 7 เรื่องสำคัญ หลังงบ Q3/60 ถูกตั้งข้อสงสัยพรึบ!

DCORP ชี้แจงข้อมูลผ่านตลาดฯ 7 เรื่องสำคัญ หลังงบฯไตรมาส 3/60 ถูกตั้งข้อสงสัยพรึบ!


บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงเช้าของวันนี้ (12 ธ.ค.60) โดยระบุว่า ตามที่บริษัทฯ ได้นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 ซึ่งผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบความคืบหน้ารายการที่ปรากฏในงบการเงินไตรมาสที่ 3/60 เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้

สำหรับความคืบหน้าการทำธุรกิจของ บริษัท บลู ฟีนิกซ์ ดิจิตัล จำกัด (บลู ฟีนิกซ์) และรายได้ที่บริษัทได้รับรู้แล้ว ในขณะที่บริษัทลงทุนใน บลู ฟีนิกซ์ ร้อยละ 20 แล้ว รวม 123.74 ล้านบาท (Angel on Duty และ Finix TV เริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์ 8/60 และ Social Portal Media Platform เริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์ 1/61) จากที่บริษัทลงทุนในธุรกิจของ บลู ฟีนิกซ์ ในสัดส่วนร้อยละ 30 รวม 74.37 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันได้รับรู้รายได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 จากงบการเงินไตรมาสที่ 3/60 ของ บลู ฟีนิกซ์ รวมระยะเวลาในการรับรู้รายได้เป็นเวลา 4 เดือน บลูฟีนิกซ์ มีรายได้แล้วกว่า 7.15 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการจำหน่าย Gift ให้แก่ Angel on Duty และ Finix TV (ปัจจุบัน Angel on Duty และ Finix TV ได้รวมเป็น Platform เดียวกัน)

ส่วนรายได้จาก Social Portal Media Platform ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งตามแผนงานจะเริ่มรับรู้รายได้ส่วนนี้ภายในไตรมาสที่ 1/61 หลังจากที่ บลู ฟีนิกซ์ ประสบความสำเร็จในเดือนสิงหาคม 2560 จากการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าร่วม เช่น อาจารย์คฑาชินบัญชร, ทีมงานก่อนบ่ายคลายเครียด และ Miss Supranational ซึ่งบริษัทได้สนับสนุนความช่วยเหลือติดต่อประสานงานให้

ต่อมาผู้บริหารของ บลู ฟีนิกซ์มีความพยายามที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์เป็นการจัดการแข่งขันเกมส์ โดยเป็นพันธมิตรกับ บริษัท อิเลคทรอนิคส์เอ็กซ์ตรีม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าเกมส์ออนไลน์ รวมถึงได้มีการนำเสนอแผนขยายงานที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในช่วงเดือนตุลาคม 2560

อย่างไรก็ตาม บลู ฟีนิกซ์ ยังไม่สามารถกระตุ้นจำนวนลูกค้าให้มีรายได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ เนื่องจากระบบไม่เสถียร และไม่มีการโฆษณาต่อเนื่อง ขาดการวางกลยุทธ์และการปฏิบัติการวางการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการจัดสรรงบประมาณและการจัดลำดับความสำคัญซึ่งส่งผลต่อการกำหนดสัดส่วนการใช้งบประมาณในเครื่องมือทางการตลาดต่างๆ บริษัท

อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ส่งผลในทางบวกเท่าที่คาดการณ์ไว้ บริษัทจึงเสนอในการประชุมคณะกรรมการบริษัท บลู ฟินิกซ์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ให้ผู้บริหารของ บลู ฟินิกซ์ จัดทำแผนการใช้เงินและแผนรายได้ให้ชัดเจน นำเสนอร่างให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาภายในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งบริษัทกำลังดำเนินการติดตามแผนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

ด้านความคืบหน้าการถ่ายทอดสดฟุตบอลในฟิลิปินส์ในวันที่ 1 ธ.ค. 60 ซึ่งบริษัทลงทุน 30 ล้านบาท รูปแบบการลงทุนโดยบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนลงทุนร้อยละ 35 และ Triple CH Holdings Co., Ltd. ซึ่งจะได้รับส่วนแบ่งกำไรร้อยละ 65 พร้อมทั้งระบุชื่อผู้ถือหุ้นของ Triple CH สถานะโครงการในปัจจุบัน บริษัทได้ลงนามในสัญญา Business Collaboration and Investment Agreement เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ชำระเงินแล้วในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 10 ล้านบาท และวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ได้ชำระอีก 10 ล้านบาท

โดยเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 บริษัทได้เข้าร่วมการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวรายการถ่ายทอดฟุตบอลดังกล่าวที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง ABS-CBN ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติในวงการกีฬาจำนวนมากให้ความสนใจและเข้าร่วมงานเปิดตัวดังกล่าว

ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรองในเงื่อนไขสัญญาซื้อขายกับผู้ให้การสนับสนุน (SponsorshipPackage) คาดว่า จะสามารถสรุปจำนวนผู้ให้การสนับสนุนได้ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคม 2560 ทั้งนี้ เมื่อเริ่มการถ่ายทอดสดในเดือนธันวาคม 2560 คาดว่า บริษัทจะรับรู้รายได้ทันทีในงบการเงิน ไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 นี้

ส่วนรูปแบบการลงทุนโดยบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนลงทุนร้อยละ 35 และ Triple CH Holdings Co., Ltd. ซึ่งจะได้รับส่วนแบ่งกำไรร้อยละ 65 Triple CH Holdings Company Limited (“Triple CH”) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศซามัว (Samoa) และเป็นผู้ได้รับสิทธิการถ่ายทอดสดฟุตบอลรายการพรีเมียร์ ลีก (Premier League) ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก (UEFA Champions League) และ ลา ลีกา (La Liga) (“รายการแข่งขันฟุตบอล”) ในประเทศฟิลิปปินส์ในฐานะผู้ร่วมลงทุนกับบริษัท ในสัดส่วนการร่วมลงทุนร้อยละ 65

โดยรายละเอียดการร่วมลงทุนเป็นไปตามสัญญา Business Collaboration and Investment Agreement หรือแบ่งกำไรในสัดส่วนร้อยละ 65 เพื่อประกอบธุรกิจการถ่ายทอดสดรายการฟุตบอลในประเทศฟิลิปปินส์ (“ธุรกิจการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอล”) โดยในสัญญาดังกล่าว กำหนดข้อตกลงและเงื่อนไขในการลงทุนร่วมกันและแบ่งปันผลประโยชน์จากการถ่ายทอดรายการแข่งขันฟุตบอลตามสัดส่วนการร่วมลงทุน ซึ่งการเข้าทำรายการดังกล่าวถือเป็นการประกอบธุรกิจโดยปกติของบริษัท โดยในส่วนของ Triple CH เป็นไปตามรายละเอียดต่อไปนี้

ด้าน Triple CH ในฐานะผู้ร่วมลงทุน ตกลงจะดำเนินงานด้านการผลิตรายการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอล และรายการอื่นใดที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มจำนวนผู้รับชมการถ่ายทอดสดให้สูงที่สุด การส่งเสริมการตลาดโดยการนำเสนอแพ็คเกจการสนับสนุนการถ่ายทอดสด (Sponsorship Package) ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และจัดหาสื่อในการโฆษณาและทำการตลาดให้แก่รายการแข่งขันฟุตบอลเพื่อสร้างรายได้สูงสุดให้แก่ธุรกิจการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลและการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอล

ขณะเดียวกัน Triple CH จะได้รับส่วนแบ่งผลกำไรจากการร่วมลงทุนในอัตราส่วนร้อยละ 65 ซึ่งเป็นส่วนแบ่งจากรายได้จากการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลหลังหักค่าใช้จ่ายในการรับสิทธิการถ่ายทอดสด ทั้งนี้ Triple CHมีข้อตกลงการรับประกันการดำเนินงานในช่วงระยะเวลา 18 เดือน นับจากวันที่ 1 ธันวาคม 2560 ว่าผลประโยชน์รายได้ที่บริษัทจะได้รับต้องไม่ต่ำกว่าเงินร่วมลงทุนที่บริษัทให้การสนับสนุนแก่ธุรกิจการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอล สำหรับผู้ถือหุ้นของ Triple CH มี 1 คน คือ Mr. Bernard Camacho Sumayao

ด้าน ความคืบหน้าการทำธุรกิจของ บริษัท อัครวัฒน์ พลังงานพืชหมุนเวียน จำกัด โดยบริษัทจ่ายเงินค่าซื้อหุ้นอัครวัฒน์ไปแล้วรวม 83.35 ล้านบาท และรายได้ที่บริษัทได้รับรู้แล้วอายุสัญญา PPA ของอัครวัฒน์กับ PEA รายละเอียดของผู้รับค่านายหน้าสำหรับการซื้อหุ้นอัครวัฒน์ 9.34 ล้านบาท รวมทั้งเหตุผลความจำเป็นที่บริษัทต้องจ่ายค่านายหน้า

อย่างไรก็ตามความคืบหน้าโครงการจากการศึกษาโครงสร้างต้นทุนในเชิงลึกพบว่า โครงการมีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยต้นทุนที่สูงกว่าคาดการณ์ประกอบด้วย ต้นทุนการขนส่งน้ำเสียจากโรงงานเอทานอล ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซชีวภาพมายังโรงงานมีระยะห่างมากกว่า 30 กิโลเมตร และต้นทุนในการกำจัดน้ำเสียจากกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพบริษัทจึงได้ดำเนินการเจรจาต่อรองเลื่อนระยะเวลาการเข้าทำรายการซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมรวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง ในขณะเดียวกัน

พร้อมกันนี้ บริษัทได้พยายามหานักลงทุนรายใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าบริษัทในส่วนของการบริหารงานและวางระบบปฏิบัติการทางเทคนิคของโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพมารับช่วงต่อของโครงการ ซึ่งในขณะนี้ได้มีผู้สนใจติดต่อมาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ยังไม่มีข้อสรุปในการเจรจา ส่วนอายุสัญญา PPA ของ.อัครวัฒน์กับ PEA คือ อายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นสัญญาขายไฟประเภท VSPP ขนาดรับซื้อไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน4.9 เมกะวัตต์ โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามีอายุ 5 ปีและสามารถต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้โดยอัตโนมัติคราวละ 5 ปีและให้มีผลใช้บังคับจนกว่าจะมีการตกลงยกเลิกสัญญา

นอกจากนี้ รายละเอียดของผู้รับค่านายหน้าสำหรับการซื้อหุ้นอัครวัฒน์ฯ 9.34 ล้านบาท รวมทั้งเหตุผลความจำเป็นที่บริษัทต้องจ่ายค่านายหน้าบริษัทที่เป็นนายหน้าสำหรับการซื้อหุ้นอัครวัฒน์ฯ คือ บริษัท เอชดี คอมเมิร์ซ จำกัด ซี่งเป็นบริษัทจำกัดจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท โดยในการเข้าทำรายการซื้อหุ้นในครั้งนี้ บริษัทที่เป็นนายหน้าได้ทำหน้าที่จัดหาโครงการ และเป็นตัวแทนในการเจรจากับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของอัครวัฒน์ฯ เพื่อให้การเข้าทำรายการสำเร็จลุล่วง

ส่วนความคืบหน้าการได้รับสิทธิ The Marvel Experience จาก HV International LLC (HVI) ซึ่งบริษัทมีแผนการจะเข้าลงทุนใน บริษัท ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุนและหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32.50 รวมเป็นมูลค่าการลงทุน 280 ล้านบาท ความคืบหน้าที่ททท.สนับสนุนโครงการเดอะมาร์เวลเอ็กซ์พีเรียนซ์ไทยแลนด์: ธีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ แอ็ทแทรคชั่น (The Marvel Experience: Theme Entertainment Attraction – TMX) (“TMX”) กำหนดการสำหรับการก่อสร้างโครงการ และวันที่คาดว่าจะมีรายได้เชิงพาณิชย์

ขณะเดียวกัน ความคืบหน้าของการได้รับสิทธิ The Marvel Experience จาก HVI ซึ่งบริษัท ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด (“ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์”) ได้รับสิทธิในโครงการ The Marvel Experience จาก HVI ประเทศสหรัฐอเมริกา เรียบร้อยและได้ดำเนินการชำระเงินค่าสิทธิดังกล่าวแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงในประเด็นทางธุรกิจที่ต้องกำหนดลงในสัญญาระหว่างบริษัทและผู้ถือหุ้นของ ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเข้าทำธุรกรรมซื้อหุ้นได้ ภายในเดือนธันวาคม 2560 นี้

ด้านความคืบหน้าที่ททท.สนับสนุนโครงการ TMX บริษัทระบุว่า เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2560 ผู้บริหารของ ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เพื่อประชุมเตรียมผลักดัน TMX ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบ “Theme Entertainment Attraction”ซึ่งจะเป็นการส่งเสริม “Entertainment Tourism” เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวและชาวต่างชาติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี หนึ่งในนั้นคือ บรรจุเป็นสถานที่สำคัญในปฏิทินท่องเที่ยวไทยปี 2561และพาไป Road Show ในงานท่องเที่ยวไทยตามต่างประเทศกำหนดการสำหรับการก่อสร้างโครงการ TMXและวันที่คาดว่าจะมีรายได้เชิงพาณิชย์ โครงการ TMX ได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง และเริ่มก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่เดือน กันยายน 2560 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ภายในเดือน พฤษภาคม 2561 นี้

สำหรับกำหนดการสำหรับการก่อสร้างโครงการ TMX และวันที่คาดว่าจะมีรายได้เชิงพาณิชย์ บริษัทระบุว่า โครงการ TMX ได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง และเริ่มก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และรับรู้รายได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2561 นี้

อย่างไรก็ดี วันที่ที่บริษัทจะพิจารณาว่าบริษัทจะอุทธรณ์กรณีศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้การค้า บริษัทมิวส์ กรุ๊ป บางกอก จำกัด ซึ่งผิดนัดชำระคืนเงินสนับสนุนการจัดแข่งขันกอล์ฟ Thailand Classic ชำระหนี้รวม92.33 ล้านบาทขณะนี้อยู่ระหว่างรอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม หลังจากนั้นจะนำคำพิพากษามาพิจารณาถึงประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายประกอบการยื่นอุทธรณ์

ขณะที่ประเด็นของการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาตามกฏหมายจะยื่นภายใน 30 วัน นับแต่วันอ่านคำพิพากษา อย่างไรก็ดีคู่ความที่ประสงค์ยื่นอุทธรณ์ยังสามารถขอขยายระยะเวลาการในการยื่นอุทธรณ์ออกไปอีกได้หากคำฟ้องอุทธรณ์ไม่แล้วเสร็จ หรืออ้างเหตุอื่นที่ยังไม่อาจยื่นฟ้องอุทธรณ์ได้ทันภายในกำหนด ทั้งนี้บริษัทจะยึดถือการรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทฯ อธิบายความแตกต่างของตัวเลขการได้รับชำระเงินมัดจำคืน 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ (21.23 ล้านบาท) จาก Negros PH Solar Inc. ในขณะที่บริษัทตั้งค่าเผื่อเงินมัดจำที่จะไม่สามารถเรียกคืน 34.10 ล้านบาทและตัดจำหน่ายเงินมัดจำที่จะไม่สามารถเรียกคืน 8.63 ล้านบาท รวม 42.73 ล้านบาท

โดยบริษัทขอชี้แจงรายการเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ เงินลงทุนที่คาดว่าจะได้รับคืน เงินลงทุนที่จะได้รับคืนและค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับคืน คือ เงินลงทุนที่คาดว่าจะได้รับคืน รวม 34,102,184.62 บาท ประกอบด้วย 2 รายการ คือ เงินมัดจำค่าเช่าที่ดินจำนวน 22,398,461.41 บาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 34.93 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2559

ขณะที่ ค่าดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตก่อสร้างโครงการจำนวน 11,703,723.21 บาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 35.39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 27 มกราคม 2560 ทั้งนี้ รายการทั้งสองเป็นรายการเงินลงทุนที่ระบุไว้ในสัญญาที่บริษัทได้ลงนามร่วมกับผู้ถือหุ้นของ NPSI ซึ่งบริษัทบันทึกบัญชีอยู่ในรูปของเงินมัดจำ แต่เนื่องจากไม่ได้นำฝากไว้กับผู้รักษาทรัพย์สิน (Escrow Agent) บริษัทจึงจัดประเภทรายการข้างต้นเป็นเงินลงทุนที่คาดว่าจะได้รับคืน

โดยหากมีการปฏิบัติผิดเงื่อนไขบังคับก่อน ตามสัญญาซื้อขายหุ้นของ NPSI บริษัทจะสามารถเรียกคืนเงินลงทุนรายการนี้คืนจากผู้ถือหุ้นของ NPSI และหากผู้ถือหุ้นของ NPSI มีการบ่ายเบี่ยงการชำระเงินมัดจำดังกล่าวคืน บริษัทสามารถดำเนินคดีกับผู้ถือหุ้นของ NPSI ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา

ด้านเงินลงทุนที่จะได้รับคืน (เงินมัดจำค่าหุ้น) จำนวน 21,234,000.00 บาท รายการเงินมัดจำค่าหุ้นเป็นรายการเงินลงทุนที่ระบุไว้ในสัญญาที่บริษัทได้ลงนามร่วมกับผู้ถือหุ้นของ  NPSI อยู่ในรูปของเงินมัดจำในสกุลเงินเหรียญสหรัฐ จำนวน 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 21,234,000 บาท ซึ่งคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่บริษัทเข้าทำรายการที่ 35.39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และได้นำฝากไว้กับผู้รักษาทรัพย์สิน (Escrow Agent) บริษัทจึงบันทึกบัญชีในรูปแบบของเงินลงทุนที่จะได้รับคืน

ทั้งนี้ บริษัทได้รับเงินค่ามัดจำดังกล่าวจาก Escrow Agent ครบถ้วนแล้วในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 หลังจากที่บริษัทได้ส่งหนังสือแจ้งการขอคืนเงินมัดจำการเข้าซื้อขายหุ้นต่อผู้รักษาทรัพย์สิน (EscrowAgent) เพื่อทราบถึงการปฏิบัติผิดเงื่อนไขบังคับก่อน ตามสัญญาซื้อขายหุ้นของ NPSI และแจ้งให้ Escrow Agent คืนเงินมัดจำจำนวน 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยของเงินต้นดังกล่าวให้แก่บริษัทไปก่อนหน้า

สำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับคืน รวม 8,631,184.50 บาท บริษัทได้ดำเนินการจัดจ้างทีมที่ปรึกษากฎหมาย, การเงิน และเทคนิควิศวกรรม ที่มีความเชี่ยวชาญในลักษณะการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ บริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่า ทีมที่ปรึกษาโครงการทั้งหมดได้ปฏิบัติงานครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างแล้วจึงได้ดำเนินการชำระค่าจ้างตามที่ระบุไว้ในสัญญาค่าใช้จ่ายดังกล่าวจึงถูกบันทึกบัญชีในประเภทค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับคืน โดยจะเห็นว่าเงินลงทุนที่คาดว่าจะได้รับคืนและ รายการค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับคืน เป็นรายการที่บริษัทมีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินคืนจากผู้ถือหุ้นของ NPSI ทันทีเมื่อยกเลิกโครงการ

ดังนั้น บริษัทอาจจะต้องดำเนินการทางกฎหมายเพื่อให้ได้รับเงินดังกล่าวกลับคืนมา บริษัทจึงบันทึกบัญชีโดยตั้งค่าเผื่อเงินมัดจำที่คาดว่าจะได้รับคืน และค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเรียกคืน รวมจำนวน 42,733,369.12 บาท ในขณะที่รายการที่ 2 (เงินมัดจำค่าหุ้น) จำนวน 21,234,000.00 บาท บริษัทได้รับเงินคืนทันที เนื่องจากรายการนี้ได้ถูกฝากไว้กับผู้รักษาทรัพย์สิน (Escrow Agent) ซึ่งจะถูกโอนคืนบริษัท หากผู้ถือหุ้นของ NPSI มีการปฏิบัติผิดเงื่อนไขบังคับก่อน ตามสัญญาซื้อขายหุ้นของ NPSI ดังนั้นบริษัทจึงไม่รวมรายการเงินมัดจำค่าหุ้นในประเภทของค่าเผื่อเงินมัดจำที่คาดว่าจะได้รับคืนและค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเรียกคืน

ด้านแนวทางการแก้ปัญหาผลการดำเนินงาน เนื่องจากงบการเงินรวมสำหรับไตรมาสที่ 3/60 บริษัทมีรายได้รวม (ธุรกิจผลิตรายการ) เพียง 1.94 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างรายได้ โดยธุรกิจเดิมคือ ธุรกิจมีเดีย ซึ่งในขณะนี้มีการแข่งขันมากขึ้นแต่มีผลตอบแทนต่ำลง ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดที่พร้อมเตรียมลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท

โดยทิศทางของบริษัทจะเน้นเป็น Holding Company หรือดำเนินการเข้าทำรายการเข้าซื้อหุ้นหรือเพิ่มทุนในบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่คาดหวังได้สูงในระยะยาว เช่น โครงการ The Marvel, โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนของแสงอาทิตย์ (Solar Thermal), โครงการให้เช่าถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Storage Facility), โครงการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellet) เป็นต้น

อีกทั้งในของธุรกิจมีเดียที่เป็นธุรกิจเดิมของบริษัท ปัจจุบันธุรกิจนี้ในประเทศไทยค่อนข้างอิ่มตัว มีโอกาสที่จะเติบโตในอัตราที่ค่อนข้างต่ำกว่าในอดีต บริษัทจึงให้ความสนใจในการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจมีเดียในโครงการที่มีลักษณะเป็นนิช มาร์เก็ต (Niche Market) เช่น โครงการถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลในประเทศประเทศฟิลิปปินส์ ที่คาดว่าจะให้ส่วนแบ่งรายได้กับบริษัทไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมถึงผลประโยชน์และรายได้อื่นๆ ที่คาดว่าจะได้รับจากธุรกิจข้างเคียงและตามมา และยังมีโอกาสที่จะเติบโตในอนาคต เป็นต้น

Back to top button