2 หุ้นไก่ตีปีก! เกิดไข้หวัดนกในเนเธอร์แลนด์-เกาหลีใต้ หนุนส่งออกไก่สดใส

2 หุ้นไก่ตีปีก! เกิดไข้หวัดนกในเนเธอร์แลนด์-เกาหลีใต้ หนุนส่งออกไก่สดใส


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(14 ธ.ค.) ว่า มีการเปิดเผยว่าเกิดไข้หวัดนกใน 2 ประเทศคือ ที่เนเธอร์แลนด์ (เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายเป็ดในยุโรปของ BR ผ่านบริษัทย่อย DUCK-TO) เมื่อ 7 ธ.ค. และ เกาหลีใต้ เมื่อ (20 พ.ย.  ทำให้มีการทำลายเป็ด และไก่  ในแหล่งที่พบ  พร้อมกับควบคุมการเลี้ยงสัตว์ใน 2 ประเทศ ชั่วคราว  ตามลำดับ ซึ่งนับเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมไก่ส่งออกของไทย  เพราะปัจจุบันการส่งออกหลักยังกระจุกตัวอยู่ที่ตลาดญี่ปุ่นและยุโรป  ทั้งในรูปไก่สด และไก่ แปรรูป 

ขณะที่ตลาดเกาหลีเพิ่งกลับมาส่งออกในปี 2559  เป็นครั้งแรกหลังจากที่หยุดนำเข้ามาหลายปี จากปัญหาไข้หวัดนกในไทยเมื่อปี 2547  แต่เกาหลีใต้ยังนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยจำนวนยังน้อย รวมทั้งราคาไก่หน้าโรงงาน ที่ตกต่ำต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 33-34 บาทต่อ กก.  แม้ว่าได้ผ่านพ้นช่วงกินเจ มาแล้วก็ตาม และยังเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลการส่งออกงวด ไตรมาส4/60  เมื่อเทียบกับงวด ไตรมาส 2/60 เป็นช่วงพีคของการส่งออกทุกปี  (ผู้ผลิตและส่งออกหลักของไทยคือ  สหฟาร์ม CPF, GFPT, TFG เป็นต้น)

ส่วนการผลิตและจำหน่ายเป็ดของ BR([email protected]) ในประเทศจะจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก มีการส่งออกไปยุโรปบ้าง แต่ส่วนใหญ่การขายในยุโรปจะใช้กำลังการผลิตของบริษัทยของ BR ในยุโรป คือ บริษัท DUCK-TO  ซึ่งมีกำลังการเลี้ยงและจำหน่ายเป็ดราว 9 ล้านตัวต่อปี แต่คาดว่าจะกระทบไม่มาก เพราะแหล่งผลิต ที่พบไข้หวัดนก  เป็นแหล่งไม่มากราว 1 หมื่นตัว จึงคาดว่าผลกระทบน่าจะจำกัด  ในระยะสั้น ๆ

และเมื่อพิจารณารวมจากผลกระทบกับเงินบาทที่แข็งค่า ทื่เชื่อว่ามาถึงจุดที่มีโอกาสลดลงจากนี้น้อย โดยรวมทำให้ผลประกอบการโดยรวมของหุ้นในกลุ่มเกษตรและอาหารน่าจะชะลอตัวในงวดไตรมาส 4/60  แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะดีขึ้นในปี 2561 จะเติบโตราว 7% แต่หากพิจารณาเป็นรายหุ้นพบว่า CPF([email protected]) จะเติบโตสูงสุดที่ราว 43.6% เพราะปี 2560 เผชิญกับธุรกิจหมูที่ตกต่ำในประเทศเวียดนาม ซึ่ง CPF ถือหุ้นโดยตรงราว  25% ในซีพีเวียดนาม   และอีก 50% ใน CPP  ซึ่งผลิตและจำหน่ายอาหารครบวงจรในจีนและเวียดนาม  (CPP เป็นบริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง)   ขณะราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E 12.53  เท่า และมีเงินปันผลราว 4.12%  จึงเลือกเป็น Top pick ของกลุ่ม

ส่วน GFPT(FVB22.9) ปี 2561 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตในอัตราที่น้อยเพียง 6.7%  แต่ราคาหุ้นมี P/E 9.22  เท่า  จึงแนะนำซื้อเช่นกัน แต่ชอบน้อยกว่า CPF  และสุดท้าย  BR([email protected])  กระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่วานนี้ราคาหุ้นของ BR ได้ลดลงมาตอบรับประเด็นดังกล่าวแล้ว  จนทำให้มี upside ราว 28% แนะนำทยอยสะสม โดย BR ยัง P/E 13.4 เท่า และ เงินปันผลราว 4%

Back to top button