“รพี”พูดชัดอายัดหุ้นไร้ผลกระทบ-“เกศรา”ขอหลักฐาน! จับตา”เสี่ยอ่าง”มีของจริงหรือมั่วนิ่ม?

"รพี" พูดชัดอายัดหุ้นไม่กระทบบริษัท "เกศรา" ขอหลักฐาน! จับตา "เสี่ยอ่าง" มีข้อมูลจริงหรือมั่วนิ่ม


สืบเนื่องจากประเด็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าตรวจค้นสถานอาบอบนวด “วิคตอเรีย ซีเครท” ซึ่งพบว่ามีการค้ามนุษย์เกิดขึ้น ทั้งนี้การค้ามนุษย์นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในฐานความผิดของกฎหมายฟอกเงิน

ทั้งนี้ นายชูวิทย์  กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท เปิดเผยผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่วง “ชูวิทย์มีเรื่องเล่า” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ระบุถึงกรณีอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ว่า ตนขายวิคตอเรีย ซีเครทให้นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เมื่อเกือบ 15 ปีที่แล้ว ขณะที่สถานบริการดังกล่าวถูกข้อหาไม่ทำประวัติของพนักงานนั่นเป็นเพราะว่ามีบุคคลต่างด้าวและพนักงานต่ำกว่าอายุ 18 ปี

ส่วนเงินรายได้ของสถานบริการนั้น ได้นำเข้าสู่บัญชีธนาคารของบริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะย้ายไปยังบัญชีอื่น เพื่อโอนเข้าสู่พอร์ตหุ้นบริษัทหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่มีนายกำพล เป็นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง

ล่าสุด นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับสถานบันเทิงชื่อดังที่เกี่ยวโยงมาถึงการถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ว่า ก.ล.ต.มีหลักเกณฑ์กำกับดูแลเรื่องการฟอกเงินอยู่แล้ว โดยเริ่มต้นจากบริษัทหลักทรัพย์ที่จะต้องตรวจสอบและยืนยันตัวตนของเจ้าของบัญชีของลูกค้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งที่มาของรายได้ในการลงทุน

อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของ ก.ล.ต.และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีเพียงการตรวจสอบความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อที่จะส่งหลักฐานให้กับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบ และหากตัดสินว่ามีมูลความผิดจริง ปปง.ก็มีอำนาจในการยึดทรัพย์ใดๆ ตามที่เห็นสมควร แต่หากมีการยึดสินทรัพย์ที่เป็นหุ้นจะไม่มีผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนนั้นๆ

พร้อมกันนี้จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นนั้นๆ ว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งหากรู้เห็นด้วยจะถูกดำเนินคดีเพื่อเอาผิดด้วย

ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ระบุว่า อำนาจในการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ ก.ล.ต. โดย ตลท.เป็นผู้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการตรวจสอบเท่านั้น

พร้อมยืนยัน ตลท.พร้อมให้ความร่วมมือด้านข้อมูล อาทิ พฤติกรรมการซื้อ-ขายหุ้น ดังนั้น จึงให้ผู้ที่ออกมาระบุว่ามีข้อมูลการกระทำผิดส่งข้อมูลมาให้ ตลท.หรือ ก.ล.ต. เพื่อให้การสืบสวนดำเนินการรวดเร็วมากขึ้น ส่วนท้ายที่สุด เมื่อผลออกมาแล้วว่าเป็นการกระทำผิดจริง และทาง ปปง. มีหนังสือแจ้งยึดทรัพย์มาถึง ตลท.ก็จะปฏิบัติตามกฎหมายต่อไป

Back to top button