MAJOR กำไรQ2พีคสุด รับ”Avengers 3″แรงสนั่น พ่วงหนังทำเงินต่อคิวเข้าฉายเพียบ

MAJOR ผลงาน Q2/61 พีคสุดของปี รับ "Avengers 3" แรงสนั่นเมือง ฉาย 5 วันโกยรายได้ทะลุ 200 ลบ. หนังทำเงินต่อคิวเข้าฉายเพียบ ดันกำไรปีนี้โตกระฉูด


ขณะนี้เรียกว่ากระแสภาพยนตร์เรื่อง Avengers 3 Infinity War แรงแบบฉุดไม่อยู่ คอหนังแห่ตีตั๋วรับชมจนล้นโรงภาพยนตร์ เข้าฉายเพียง 5 วันสามารถทำรายได้สูงถึง 227 ล้านบาท และนับว่าเป็นภาพยนตร์ที่สามารถทำเงินผ่านหลัก 200 ล้านบาทได้เร็วที่สุดตลอดกาลอีกด้วย (รายได้เฉพาะกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่)

โดย นางสาวสุภอร รัตนมงคลมาศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เดอะวอลท์ดิสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Avengers: Infinity War ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากมาร์เวล สตูดิโอส์กำลังเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก ทั้งในด้านรายได้ที่กำลังเดินหน้าทำลายสถิติต่างๆอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัววันแรกสูงถึง 55 ล้านบาท นับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกและเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำเงินผ่านหลัก 50 ล้านบาทได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 วัน

รวมทั้งการสร้างสถิติทำเงินผ่านหลัก 100 ล้านบาทได้เร็วที่สุดตลอดกาลด้วยรายได้ 3 วันสูงถึง 129 ล้านบาท ( 25 เม.ย.- 27 เม.ย.) และทำรายได้สุดสัปดาห์ 5 วันสูงถึง 227 ล้านบาท โดยนับว่าเป็นภาพยนตร์ที่สามารถทำเงินผ่านหลัก 200 ล้านบาทได้เร็วที่สุดตลอดกาลอีกด้วย (รายได้เฉพาะกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่)

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เนื่องจากกรณีดังกล่าวจะส่งผลดีโดยตรงต่อ MAJOR รวมทั้งในเร็วๆ หนังทำเงินอย่าง Deadpool 2 เตรียมจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 15 พ.ค.นี้อีกด้วย

โดยนักวิเคราะห์ บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น MAJOR ให้ราคาเป้าหมาย 35.60 บาทต่อหุ้น โดยปี 61 คาดกำไรปกติฟื้นตัว 73.8% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากแผนเพิ่มจอหนังอีก 100 จอใน 40 สาขา บวกกับไลน์หนัง Blockbuster น่าสนใจมากขึ้น นำโดยหนังดังค่าย Marvel ที่เตรียมฉาย 4 เรื่องในปีนี้ ซึ่งล่าสุด The Avenger The Infinity War มีกระแสตอบรับดีจนทำยอดจองตั๋วล่วงหน้าสูงกว่าหนัง Marvel ปกติ 7 ภาครวมกัน

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น MAJOR ให้ราคาเป้าหมาย 35.50 บาทต่อหุ้น ถึงแม้ว่าคาดกำไรปกติไตรมาส 1/61 ลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อนที่ 263 ล้านบาท โดยคาดจะมีการบันทึกกำไรจากการขายหุ้น SF และ PVRL รวม 135 ล้านบาท

ทั้งนี้หากไม่รวมรายการดังกล่าว คาดกำไรปกติ 155 ล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุน 52 ล้านบาทในไตรมาส 4/60 แต่ลดลง 8% เมื่อเทียบจากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายตั๋วหนังและรายได้โฆษณาลดลง แม้รายได้จากหนังเรื่อง Black Panther, Pacific Rim และ Maze Runner จะค่อนข้างดี แต่รายได้จากหนังขนาดกลางและเล็กยังต่ำกว่าปีก่อน คาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 33.6% ในไตรมาส 1/60 เป็น 31.7%

อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/61 จะสูงสุดของปี โดย Avengers ทำรายได้ 5 วันแรก รวมประมาณ 400 ล้านบาท หากนับเฉพาะรายได้ของโรงหนังเครือ MAJOR ทำได้ 270 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่ารายได้โฆษณาจะเติบโตเด่นเช่นกัน

นอกจากนั้นคาดหนังหลายเรื่องทำรายได้ดี เช่น Jurassic World, Deadpool 2, Star Wars: Han Solo และ หนังไทยของ GDH เรื่อง น้อง.พี่.ที่รัก ส่วนหนังไทยที่ผลิตโดยบริษัทย่อยของ MAJOR เรื่อง หลวงพี่แจ๊ส 5G ทำรายได้ต่ำกว่าคาดแต่ไม่ขาดทุนเนื่องจากมีรายได้จากสปอนเซอร์เข้ามาชดเชย

ดังนั้นจึงประเมินว่ากำไรของ MAJOR ปีนี้จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากการเติบโตของรายได้จากการขายตั๋ว รายได้อาหาร&เครื่องดื่ม และรายได้โฆษณา อีกทั้งอัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้น

รวมทั้ง นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมายหุ้น MAJOR ที่ 34 บาทต่อหุ้น โดยคาดกำไรปกติในไตรมาส 1/61 อยู่ที่ 147 ล้านบาท เพิ่ม 1303% เทียบจากไตรมาสก่อน แต่ลด 14% เทียบจากปีก่อน จากต้นทุนขยายโรงภาพยนตร์

อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดในงวดไตรมาส 2/61 เนื่องจากมีหนังฟอร์มยักษ์จะเข้าฉายเป็นหลายเรื่อง เช่น vengers Infinity War 2 วันแรกเข้าฉายทำรายได้ไปกว่า 125 ล้านบาท, Jurassic World Fallen, Deadpool 2, Star Wars Han Solo ซึ่งหนุนยอดขายตั๋ว เครื่องดื่ม/ป๊อปคอร์น และโฆษณา

ด้านราคาหุ้น MAJOR ปิดตลาดวานนี้ (2 พ.ค.) ทรงตัวอยู่ที่ 29.25 บาท สูงสุดที่ 29.25 บาท ต่ำสุดที่ 29 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 45.04 ล้านบาท ทั้งนี้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 35.60 บาท อยู่ 22%

Back to top button