ขาใหญ่มองหุ้นลูบคมตลาดทุน

ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ดัชนีจะขึ้นนิดๆ แล้วก็ลงนิดๆ


ธนะชัย ณ นคร

 

ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ดัชนีจะขึ้นนิดๆ แล้วก็ลงนิดๆ

บางวันหาสาเหตุของการขึ้นก็ไม่ได้ และก็หาสาเหตุของการลงไม่ได้เช่นกัน แถมยังวิ่งสวนทางตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้านอยู่ซะบ่อยครั้งด้วย

ผมคุยกับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ 3-4 คน อยากรู้มุมมองเขา

ส่วนใหญ่จะบอกแนวเดิมๆ ว่า มีปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก

ปัจจัยลบมีทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ

พอถามเรื่องกรอบของดัชนี และหุ้นที่น่าลงทุน ผมก็ยังได้รับคำตอบแนวเดิมๆ ว่า ดัชนีจะอยู่ในกรอบแคบๆ และหุ้นที่น่าลงทุนส่วนใหญ่จะแนะนำตัวที่มีการเติบโตหรืออ้างอิงไปกับโครงการภาครัฐ

ส่วนใหญ่ก็รับเหมา อาหาร และท่องเที่ยว แถวๆ นี้แหละ

ส่วนกลุ่มธนาคารระยะสั้นให้เลี่ยงลงทุน เพราะหวั่นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล จะบานปลาย และต้องตั้งสำรองเผื่อฯ กันจ้าละหวั่น

ทว่า ไม่ว่าจะแนะนำอย่างไร ตลาดหุ้นไทยก็ยังนิ่งๆ ครับ

หากมีข่าวดีเข้ามา เช่น โครงการลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่ 1.41 ล้านล้านบาท

เรื่องนี้ตลาดหุ้นก็ไม่ตอบรับมากนัก มีเพียงกลุ่มรับเหมา เช่น STEC-ITD-CK และ UNIQ ขยับขึ้นมากันบ้าง แต่ก็ไม่ได้วิ่งแรงชวนตื่นเต้น

ล่าสุด รัฐมนตรีคมนาคมบอกว่า กลางปีหน้าจะเดินหน้ารถไฟความเร็วสูงที่ร่วมกับญี่ปุ่นแน่นอน

ตลาดหุ้นก็ยังนิ่งๆ ไม่หือ ไม่อือ…

แต่หากเป็นข่าวร้ายเข้ามาซักหน่อย หุ้นสะดุ้งเป็นกุ้งโดนไฟ ปรับลงทันที

ผมอยากรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ นักลงทุนรายใหญ่เขาปรับพอร์ตกันอย่างไร ก็เลยคุยกับ “เสี่ยป๋อง” คุณวัชระ แก้วสว่าง ซักหน่อย

คำตอบแรกคือ “ผมขาดทุนในรอบกว่า 8 ปี”

แล้วตามด้วยคำพูดที่ว่า “ผมเล่นไม่ออก”

และนั่นเป็นสาเหตุให้เสี่ยป๋องต้องปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นใหม่ ด้วยการเหลือไว้เพียง 30% เท่านั้นเอง

เสี่ยป๋องบอกว่า ตลาดหุ้นแบบนี้ จริงๆ แล้วควรจะ zero weight  หรือไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ส่วนตอนนี้มีหุ้นที่ขาดทุนอยู่ 3 ตัว แต่ผมขอที่จะไม่นำมาเขียนครับ

สถานการณ์แบบนี้ เสี่ยป๋องบอกว่า เขาเลยหันไปลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น ลงในเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ให้เช่า

ผมเข้าใจว่า เสี่ยป๋องคงจะพยายามใช้โอกาสนี้ เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆ มากขึ้น ระหว่างที่รอตลาดหุ้นจะกลับมา

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนรายใหญ่อีกคนก็บอกไว้น่าสนใจ

“เมื่อมันไม่มี Growth แล้วจะเล่น (หุ้น) อย่างไร”

ฟังแล้วใช่เลยครับ

นักลงทุนรายใหญ่อีกคนคือ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์

เสี่ยยักษ์ บอกว่า ตลาดหุ้นไทยนั้นเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม และจากประสบการณ์ของเขา เขาจึงเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยในตอนนี้เหมือนกับ “คนแก่”

คนแก่เมื่อนั่งหรือนอน แล้วพอจะลุกขึ้น มันก็ต้องใช้เวลาซักหน่อย จะให้พรวดพราดลุกขึ้นมาคงไม่ได้

ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยหากจะฟื้นก็น่าจะใช้เวลาอีก 3-4 เดือนข้างหน้า แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย ทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และการใช้จ่ายภาครัฐ

เสี่ยยักษ์ บอกด้วยครับว่า ดัชนีหุ้นไทยลงมา 20% หุ้นในกลุ่มธนาคารก็ลงมา 20% หุ้น KTB ลงมา 28%

คือ…ตอนนี้มันเจ๊งกันหมด ทุกคนเงินหายไปแล้ว 20%

ผมถามต่อว่า แล้วเสี่ยยักษ์ตอนนี้ทำอย่างไร

คำตอบก็คือ ปรับพอร์ต แล้วมาถือเงินสดมากขึ้นครับ

แต่ด้วยความที่พอร์ตของเสี่ยยักษ์ใหญ่มากๆ แม้ว่าจะปรับพอร์ตลงทุนลงแล้ว จำนวนเม็ดเงินที่อยู่ในตลาดหุ้นก็ยังถือว่าสูงอยู่พอสมควร

ส่วนภาวะแบบนี้ เป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนระยะยาวหรือเปล่า ซึ่งเสี่ยยักษ์บอกอีกว่า หากใครยังไม่มีหุ้น

ก็ยังไม่แนะนำให้ซื้อ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               

               

 

Back to top button