FSMART ฟื้นตัวรอบใหม่ 5 วันหุ้นพุ่ง 23% คาดเก็งฯแผนธุรกิจยังโตดี-หุ้นร่วงแรงเกินพื้นฐาน

FSMART ฟื้นตัวรอบใหม่ 5 วันหุ้นพุ่ง 23% คาดเก็งฯแผนธุรกิจยังโตดี-หุ้นร่วงแรงเกินพื้นฐานณ โดย ณ เวลา 12.02 น. อยู่ที่ระดับ 10.40 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 6.12% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 130.36 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ณ เวลา 12.02 น. อยู่ที่ระดับ 10.40 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 6.12% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 130.36 ล้านบาท ราคาหุ้นเด้งแรง  5 วันติด โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 8.45บาท เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.61 จนถึงล่าสุดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 23.08% นอกจากนี้หุ้นเป็นขาลงมานาน

นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยว่า การดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ ยังคงเดินตามนโยบายการบริหารยอดเติมเงินเฉลี่ยต่อตู้(ARPU) ให้เติบโตมากกว่าปีก่อน หลังจากเห็นผลสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา โดยวางเป้าหมายไว้ ARPU ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ด้วยการคัดสรรพื้นที่ติดตั้งตู้บุญเติมในจุดที่มีคุณภาพ และปรับเปลี่ยนทำเลใหม่ให้กับตู้เติมเงินที่มียอดเติมเงินไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยยังวางเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนตู้บุญเติมในปีนี้ที่ 20,000 ตู้ ซึ่งจะส่งผลให้สิ้นปีจะมีตู้บุญเติม 144,653 ตู้ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาเพิ่มบริการโอนเงินผ่านตู้บุญเติมต่อเนื่อง จากที่ให้บริการอยู่ 2 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย( KTB) และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) โดยวางเป้าหมายเพิ่มโอนเงินผ่านธนาคารอื่นในปี 61 คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ เช่นเดียวกับ การเพิ่มบริการอื่นๆที่หลากหลายจากที่ให้บริการกว่า 70 รายการ เพื่อเพิ่มความถี่ในการใช้งาน อาทิ การจำหน่ายสติ๊กเกอร์ Line การบริการรับชำระบิลค่าสาธารณูปโภคให้ครอบคลุมมากขึ้น การบริการรับชำระเงินสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเชื่อว่าจะช่วยให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น และช่วยรักษาฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ ในการใช้งาน รวมถึงผลักดันให้มียอดเติมเงินโดยรวมในปี 61 เติบโต 20% จากปีก่อน

ปัจจุบัน “ตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติม” ยังถือเป็นผู้นำตลาดเติมเงินมือถือด้วยสัดส่วน 22% ของมูลค่าตลาดเติมเงินมือถือรวมประมาณ 1.33 แสนล้านบาท โดยมีผู้ใช้เลขหมายโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงินกว่า 70 ล้านเลขหมาย แต่มีการใช้ผ่านตู้เติมเงินบุญเติม 25 ล้านเลขหมายหรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 35% ทำให้ยังมีโอกาสในการเพิ่มอัตราการเติบโตอีกมาก

สำหรับแอพพลิเคชั่นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือ “Be Wallet” ธุรกิจต่อยอดสำหรับกลุ่มที่ใช้สมาร์ทโฟน เพื่อใช้ชำระเงินในการซื้อสินค้าจากตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ (Vending Machine) รวมถึงรองรับการดำเนินธุรกิจการเป็นตลาดกลางในการซื้อขายออนไลน์ (e-Marketplace) และรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่เกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ในอนาคต ยังคงมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง จากการส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาดเพื่อแนะนำการใช้งาน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถมีผู้ใช้บริการในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 200,000 รายตามเป้าหมาย

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แม้ประเมินผลกระทบจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงิน เติมเงิน ผ่านช่องทาง Mobile banking และประเด็น Banking Agent ต่อสถานะในปัจจุบันค่อนข้างจำกัด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของบริษัทเป็นระดับรากหญ้ารายได้ต่ำ แต่เพื่อสะท้อนปัจจัยเสี่ยงความไม่แน่นอนในอนาคตจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี เปลี่ยนวิธีการประเมินราคาเป้าหมายจากเดิมวิธี DCF เป็น PE ที่ 13 เท่าใกล้เคียงคาดการณ์ Earning Growth เฉลี่ย (CAGR) ใน 3 ปีข้างหน้า เป็นราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 10.50 บาท จากเดิม 13 บาท และอัตราปันผลระดับ 5-6.5% แนะนำ ถือ จากเดิม ซื้อ

อนึ่งก่อนหน้านี้ FSMART เรียกคืนศรัทธานักลงทุนด้วยการทุ่มงบประมาณ 300 ล้านลุยซื้อหุ้นคืน 20 ล้านหุ้น โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.-17 ต.ค.61  เพื่อหวังให้ผู้ถือหุ้นได้รับเงินปันผลต่อหุ้นที่สูงขึ้น หลังรับไม่ได้กับราคาหุ้นที่ร่วงหนัก ไม่สะท้อนพื้นฐานธุรกิจที่ยังเติบโตดี

Back to top button