TISCO เจอ Sell on fact หลังกำไร Q2 โตตามคาด ฉุดราคาร่วง 3% โบรกฯ แนะซื้อเป้า 100 บ.

TISCO เจอ Sell on fact หลังกำไร Q2 โตตามคาด ฉุดราคาร่วง 3% โบรกฯ แนะซื้อเป้า 100 บ. ล่าสุด ณ เวลา 10.19 น. อยู่ที่ 84 บาท ลบ 2.75 บาท หรือ 3.17% สูงสุดที่ 85.75 บาท ต่ำสุดที่ 83.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 142.59 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ล่าสุด ณ เวลา 10.19 น. อยู่ที่ 84 บาท ลบ 2.75 บาท หรือ 3.17% สูงสุดที่ 85.75 บาท ต่ำสุดที่ 83.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 142.59 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น TISCO ปรับตัวลง ในวันนี้หลังจากประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 1.71 พันล้านบาท ปรับตัวขึ้น 13.57% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.51 พันล้านบาท

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TISCO พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 100 บาท/หุ้น (BV 2.10 เท่าในปี 2561 ROE ที่ 19.4% และ COE ที่ 11.8%)

โดยกำไรไตรมาส 2/61 เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด การเพิ่มขึ้น 37 bps ของ NPL จากการผิดนัดชำระหนี้ของ SME ไม่น่ากังวล เนื่องจากมูลค่าหลักประกันของเงินกู้นี้สูงกว่ายอดเงินกู้คงค้าง ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ NPL นี้เป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว และการผิดนัดชำระจะไม่ส่งผลกระทบต่อสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อหรืองบดุลของทิสโก้

ขณะที่สินเชื่อหดตัว 3.7% จากไตรมาสก่อน และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 4.4% จากไตรมาสก่อนตามคาด จากการโอนพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลให้กับธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ทิสโก้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงเพื่อรองรับกำไรก่อนการตั้งสำรอง ทั้งนี้ TISCO ได้ปรับลดสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อลงเหลือ 0.88% (เทียบกับ 1.53% ในไตรมาส 1/61) เพื่อช่วยหนุนกำไร สรุปในภาพรวม ผลการดำเนินงานเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ไม่กังวลเรื่องการเพิ่มขึ้นของ NPL ที่ 37bps มาอยู่ที่ 2.69% ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1) การปรับขึ้นครั้งนี้เป็นการขึ้นแบบครั้งเดียวและมาจากสินเชื่อ SME รายเดียวจำนวน 753 ล้านบาท และไม่กระทบต่อคุณภาพสินเชื่อโดยรวมของธนาคาร และ 2) ทิสโก้ระบุเงินกู้ดังกล่าวมีที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าเงินกู้ 753 ล้านบาท ทั้งนี้ ธปท. ไม่ได้ระบุให้ TISCO ตั้งสำรองเขึ้น (ความจริงลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.722 พันล้าน จาก 4.742 พันล้านในไตรมาส 1/61) สะท้อนว่าหลักประกันมีมูลค่ามากพอ

รวมทั้ง มูลค่าหลักประกันของที่ดินไม่น่าจะลดลงและไม่น่าต้องเพิ่มวงเงินสำรองอีกในอนาคต และ 4) การที่ TISCO ปรับลดสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสูญเชื่อลงอย่างมากในช่วงไตรมาส 2/61 แสดงให้เห็นว่าแบงก์เองไม่ได้กังวลในเรื่องนี้มากนัก

ทั้งนี้ หากตลาดตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของ NPL ในเชิงลบ องว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ เนื่องจากงบดุลของทิสโก้ไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม TISCO จะต้องได้รับเงินส่วนนี้คืนแน่นอน ไม่ว่าจะมาจาก SME ที่จ่ายคืนเงินกู้ หรือหาก TISCO จะนำที่ดินเหล่านี้ออกขาย

Back to top button