TACC บวกกว่า 3% หลังผบห.แย้มผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัว โบรกฯ แนะซื้อเป้า 5 บ.

TACC บวกกว่า 3% หลังผบห.แย้มผลงานครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก โบรกฯ แนะซื้อเป้า 5 บ. ชี้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ล่าสุด ณ เวลา 10.43 น. อยู่ที่ 4.18 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 3.47% สูงสุดที่ 4.22 บาท ต่ำสุดที่ 4.08 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 14.68 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ล่าสุด ณ เวลา 10.43 น. อยู่ที่ 4.18 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 3.47% สูงสุดที่ 4.22 บาท ต่ำสุดที่ 4.08 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 14.68 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น TACC ปรับตัวขึ้น หลังผู้บริหารมั่นใจว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังเติบโตมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก

โดย นายชนิต สุวรรณพรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/61 บริษัทฯได้ทยอยออกสินค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยตามแผนในกลุ่มเครื่องดื่มเย็น เช่น เครื่องดื่มรสโอเลี้ยงเจ และในไตรมาส 4/61 จะกลับมาวางขายเครื่องดื่มช็อคโกแลต Hershey’s อีกครั้ง รวมถึงการมีสินค้าใหม่ในกลุ่มเบเกอรี่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะขยายช่องทางใหม่ๆ ในการจำหน่ายสินค้า รวมถึงการหาพันธมิตรมากขึ้น เพื่อจะช่วยให้ผลประกอบการมีแนวโน้มที่เติบโตได้ต่อเนื่อง

สำหรับแผนการขยายตลาดธุรกิจเครื่องดื่ม ภายหลังจากเซ็น MOU ร่วมกับ A&W เพื่อเป็นพันธมิตรทางการค้าในระยะยาว ซึ่งความคืบหน้า TACC ได้ส่งเครื่องดื่มกลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดลม (Non Carbonated Drink) ทั้งชนิดร้อนและเย็นเข้า A&W โดยมี 3 สาขานำร่อง ได้แก่ สาขารถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีเพชรบุรี สถานีพระราม 9 และสาขาแฟชั่นไอซ์แลนด์  ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมขยายผลเคียงคู่ไปกับ  A&W

ส่วนภาพรวมช่วงครึ่งหลังปีนี้ มั่นใจว่าอัตรากำไรสุทธิจะแตะระดับ 30% จากครึ่งปีแรกของปี 2561 อยู่ระดับ 28% เนื่องจากธุรกิจตัวแทนลิขสิทธิ์ และสินค้าใหม่ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นต่อเนื่อง

ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TACC พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 5 บาท/หุ้น โดยมองว่าผลประกอบการผ่านช่วงต่ำสุด คาดครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง

โดยแนวโน้มครึ่งปีหลังปี 61 เติบโตต่อเนื่องจากฐานต่ำ แม้คาดกำไรปี 61 หดตัวแต่จะพลิกเติบโตในปี 62 : เนื่องจากมีการหยุดขายสินค้าตรา “Zenya” ที่กัมพูชาเมื่อตอนต้นปี ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามราคา ประกอบกับได้รับผลกระทบภาษีน้ำตาล ตั้งแต่ช่วง ปลายปี 60 จนถึง พ.ค. 61 กดดันอัตรากำไรขั้นต้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้วในการปรับสูตรใหม่ใช้น้ำตาลน้อยลง ทำให้คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมายืนเหนือระดับ 30%

ขณะที่ คาดรายได้ ปี 61 ราว 1,312 ล้านบาท โต 1.8% เติบโตภายในประเทศ ตามการขยายสาขาของ 7-11 ที่คาดว่าทั้งปี 61 จะเปิดเพิ่มราว 700 สาขา ขณะที่ครึ่งปีแรกเปิดไปแล้วกว่า 492 สาขา ประกอบกับกระแสนิยมของเครื่องดื่มกดเย็น อย่าง Hershey’s ที่จะเข้ามาวางขายเป็นสินค้าประจำร้าน(บางสาขา) ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/61

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าคาดกำไรปี 61 จะหดตัวราว 11.6% แต่คาดว่ากำไรจะพลิกกลับมาเติบโต 24.3% ในปี 62 อยู่ที่ราว 124 ล้านบาท สนับสนุนด้วยการเติบโตตามการขยายสาขา 7-11 ประกอบกับ การกลับมาของเครื่องดื่มกดเย็น Hershey’s รวมถึงการบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma ตลอดจนการมีพันธมิตรใหม่อย่าง A&W

Back to top button