อีเว้นต์การบินไทย?

กระมิดกระเมี้ยนกันมานาน ในที่สุด ความอึมครึมเรื่องหัวหน้าคณะปฏิวัติและนายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าไปต่อในเส้นทางการเมือง ก็เป็นอันยุติลงเสียทีด้วยคำพูดคำเดียวว่า “ผมสนใจการเมือง”


ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์

กระมิดกระเมี้ยนกันมานาน ในที่สุด ความอึมครึมเรื่องหัวหน้าคณะปฏิวัติและนายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าไปต่อในเส้นทางการเมือง ก็เป็นอันยุติลงเสียทีด้วยคำพูดคำเดียวว่า “ผมสนใจการเมือง”

สนใจการเมือง เพราะห่วงงานที่ทำไว้แล้ว อยากจะไปติดตามความคืบหน้า

นั่นก็คือเหตุผลจากปากของพล.อ.ประยุทธ์ มิได้มีเจตนาหวังจะเข้าไปเวทีการเมืองเพื่อการ “สืบทอดอำนาจ” แต่ประการใด คำพูดคำจาแบบนี้แหละ “ใช่เลย” ที่นักการเมืองเจนสังเวียนเขาพูดกัน

ผมก็ว่าดีนะ ที่จากนี้ไป “อีแอบ” จะน้อยลง ตัวตนของบุคคลสาธารณะต่าง ๆ จะชัดเจนขึ้น ตั้งแต่บิ๊กตู่ รองนายกฯ สมคิด รมต.สนธิรัตน์ รมต.อุตตม และ รมต.กอบศักดิ์ ภูตระกูล

ไม่ใช่ผูกขาดแค่กลุ่มตัวเองมาเล่นการเมืองที่ทำเนียบฯ แล้วกีดกันกลุ่มการเมืองอื่นให้เป็นที่ครหา

เรื่องอนาคตทางการเมืองของหัวหน้าคณะปฏิวัติแล้วจะก้าวต่อไปเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย ดูไปแล้วก็มองยากจริง ๆ ถ้าใช้ตัวเองมองก็แน่ล่ะครับว่า จะต้องมองตัวเองดี ประชาชนรักมากกว่าคนชังทั้งนั้น

แม้กระทั่งโพลก็ยังขัดแย้งกันเอง อย่างเช่นนิด้า โพล สำรวจจากประชาชนทั่วประเทศ 1,251 ตัวอย่าง ระหว่าง 17-18 ส.ค. ยกให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ร้อยละ 29.66 ทิ้งห่างอันดับ 2 สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 17.51

แต่สด ๆ ร้อน ๆ จากโพลช่องวัน 31 ในเครือแกรมมี่ ซึ่งเป็นคลื่นวัยรุ่น เมื่อวันอังคารที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตั้งคำถาม “สมมุติว่าบิ๊กตู่ลงเล่นการเมือง” จากผู้โหวตทั้งสิ้น 350,000 ราย ผลปรากฏว่า โหวตเลือกนายกฯ ตู่แค่ 12% แต่ไม่เลือกนายกฯ ตู่ถึง 88%

นี่คือเสียงในกลุ่มของคนเจน Z ที่ในช่วงก.พ.ปีหน้าคาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิเลือกตั้งใหม่ประมาณ 8 ล้านคน ถือเป็นกลุ่มก้อนที่พรรคการเมืองต่าง ๆ ไม่ควรมองข้ามเลย

ส่วน “มช.โพล” ที่สำรวจจากนักศึกษาปี 1-ปี 4 ซึ่งเป็น “ขาโจ๋” ทั้งนั้น จำนวน 5,446 คน ยิ่งหนักข้อเข้าไปใหญ่ ในหัวข้ออยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ปรากฏว่าอันดับ 1 ทักษิณ ชินวัตร ร้อยละ 24 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นอันดับ 2 ร้อยละ 19

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นอันดับ 3 ร้อยละ 10 เนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล เป็นอันดับ 4 ร้อยละ 8 ส่วนอันดับ 5 ร่วม มีคะแนนเท่ากัน ร้อยละ 6 คืออดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายกฯ ลุงตู่

ลุงตู่จะได้ตีตั๋วไปต่อหรือไม่ได้ไปต่อ เสียงจาก “ขาโจ๋” มีส่วนไม่น้อย

ช่วงนี้ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่ต้องเร่งสร้างผลงานไปชิงชัยในสนามเลือกตั้งกันแล้ว โชคไม่ดีสักเท่าไหร่ ที่รัฐบาลยังแก้ไม่ตกในเรื่องทำตัวเลขเศรษฐกิจโต แต่คนก็ยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังขัดสน คนไม่มี “กำลังซื้อ”

ผมอยากให้ดูการแก้ไขปัญหาเรื่องหนึ่งของรัฐบาล นั่นคือ การบินไทย ซึ่งถึงวันนี้ ผมก็ยังมองไม่ออกเลยว่า เขาจะไปแก้ปัญหา THAI แบบถอนรากถอนโคนกันจริง ๆ หรือมุ่งหวังจะไปทำ “อีเว้นต์” เพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์

รองนายกฯ สมคิดท่านระดมหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งเกี่ยวตรงเกี่ยวอ้อมนับร้อยไปชุมนุมเวิร์คช็อปที่การบินไทย ดูคึกคักยิ่งนัก แล้วท่านก็ชี้โบ๊ชี้เบ๊สั่งว่า ทุกหน่วยงานจะต้องเข้ามารวมศูนย์ช่วยการบินไทย

การท่าฯ AOT ต้องเข้ามา แบงก์กรุงไทย-ปตท.-การท่องเที่ยวฯ ก็ต้องเข้ามาชุบชีวิตการบินไทยกันให้เต็มที่ แล้วท่านก็ประกาศิตว่า “ภายใน 3 เดือนต้องเห็นผลในการแก้ปัญหา”

มันช่างเหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ที่ท่านยกทัพใหญ่ไปการบินไทย แล้วประกาศิตว่า “ต่อไปนี้การบินไทยจะมีกำไรทุกไตรมาส” เล่นเอนักลงทุนวาดฝันวิมานกับหุ้นการบินไทย เดี๋ยวนี้สภาพการบินไทยเป็นอย่างไรก็เห็น ๆ กันอยู่

ผมก็อยากถามนักว่าจะให้หน่วยงานเหล่านี้ เข้ามาช่วยการบินไทยยังไงฯ

AOT จะช่วยลดราคาค่าจอดเครื่องบินหรือพื้นที่เช่าเล้านจ์ไหม หรือจะให้แบงก์กรุงไทยตามไปปล่อยสินเชื่อผ่อนปรนให้ ปตท.จะให้ลดราคาน้ำมันเครื่องบินหรือยังไง และการท่องเที่ยวฯ ล่ะจะให้โปรโมตการท่องเที่ยวให้ก้องโลก และขนคนมาขึ้นเครื่องการบินไทยหรือยังไง

มันตอบโจทย์การบินไทยเวลานี้ ที่มีผลขาดทุนสะสมอยู่ 2.4 หมื่นล้านบาทไหม และในรอบ 5 ปีมีขาดทุนสะสมมาทุกปี จะแก้ปัญหากันอย่างไร

ปี 57 ขาดทุน 15,600 ล้านบาท ปี 58 ขาดทุน 13,000 ล้านบาท ปี 59 กำไรจิ๊บ ๆ ขึ้นมาที่ 15 ล้านบาท ปี 60 ขาดทุนอีก 2,100 ล้านบาท และครึ่งปี 61 ก็ขาดทุนไปแล้ว 387 ล้านบาท

อีเว้นต์วันนั้นตอบโจทย์เหล่านี้ และยังจะมีเรื่องเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งาน จอดแช่อยู่อีก 28 ลำ ซึ่งต้องตั้งด้อยค่าฉุดผลประกอบการมาทุกปี แต่จะขายถูก ๆ ก็กลัวติดคุก จะมีใครกล้าตัดสินปลดเปลื้องเรื่องนี้สักทีไหม

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบจัดงานอีเว้นต์กับการแก้ปัญหาแบบมียุทธศาสตร์ มันก็มีมรรคผลที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวนะ

 

X
Back to top button