ICHI ตันจริง ๆ.!?

หุ้นบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ของ “ตัน ภาสกรนที” กำลังตกที่นั่งลำบาก..เมื่อชาเขียวเริ่มขมขื่น! ไม่รุ่งเรืองเหมือนช่วงเข้าตลาดหุ้นปี 2557 ต่างจากบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI ที่ดูดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้หุ้น ICHI ไม่น่าลงทุนอีกแล้วหรือไม่.!?


สำนักข่าวรัชดา

หุ้นบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ของ “ตัน ภาสกรนที” กำลังตกที่นั่งลำบาก..เมื่อชาเขียวเริ่มขมขื่น! ไม่รุ่งเรืองเหมือนช่วงเข้าตลาดหุ้นปี 2557 ต่างจากบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI ที่ดูดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้หุ้น ICHI ไม่น่าลงทุนอีกแล้วหรือไม่.!?

ย้อนไปเมื่อปี 2557 ตลาดหุ้นไทยฮือฮา..กันน่าดู.! เมื่อ “เสี่ยตัน” เขย่าขวัญตลาดชาเขียว (อีกครั้ง) ด้วยการนำหุ้น ICHI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนดังเช่นปี 2547 “เสี่ยตัน” คนเดียวกันนี่แหละ ที่นำหุ้น OISHI เข้าตลาดหุ้นมาแล้วเช่นกัน..!!

ทว่า..การนำหุ้น ICHI เข้าตลาดหุ้น “เสี่ยตัน” โหมการตลาดอย่างหนัก เพื่อปั๊มตัวเลขรายได้และกำไร เพื่อเบียด OISHI ทำให้ ปี 2557 ICHI กำไรทะลุ 1,078 ล้านบาท ขณะที่ OISHI กำไร 524 ล้านบาท ห่างกันเท่าตัวเลยทีเดียว เกมการตลาด “เสี่ยตัน” ฮือฮาสุด ๆ กับแคมเปญลุ้นเลขรหัสใต้ฝา เพื่อรับ “รถปอร์เช่” หรือว่า “รถเบนซ์” ทำเอาช่วงนั้น..ซื้อ ICHI เพื่อ “ลุ้นเลขใต้ฝา” มากกว่า “ซื้อเพื่อดื่ม” จริง ๆ

จนเป็นที่มาของ “ดีมานด์เทียม” ในปีเดียวกัน มีผลทำให้รายได้ ICHI มีรายได้ 6,200 ล้านบาท และกำไรทะลุ 1,078 ล้านบาท เป็นครั้งแรก..และไม่เคยทำได้อีกเลยตราบจนทุกวันนี้..!!

ช่วงนั้นเอง OISHI ระส่ำไปไม่น้อย ด้วยอิทธิฤทธิ์ “เสี่ยตัน” ที่เข้ามาชิงพื้นส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาด OISHI ช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 40% ทำให้ OISHI ต้องออกแคมเปญแจกรถยนต์และทัวร์ญี่ปุ่นกับศิลปินดัง เพื่อยับยั้งเกมรุก “เสี่ยตัน” ทันที

แต่ดูเหมือนว่า ICHI จะได้ประโยชน์จาก “ดีมานด์เทียม” เพียงแค่ 2 ปี (2557-2558) เท่านั้นเอง.! เมื่อ “มุการตลาด” ของเสี่ยตัน เริ่มตัน.! ทำให้กำไรปี 2559 ลดฮวบมาเหลือแค่ 368 ล้านบาท จากปี 2558 ทำได้กว่า 812 ล้านบาท…แตกต่างจาก OISHI ที่ปี 2559 กำไรเพิ่มขึ้นทะลุ 1,066 ล้านบาท จากปี 2558 กำไรเพียง 712 ล้านบาท

ยิ่งกว่านั้นช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กระแส “ชาเขียวชิงโชค” เริ่มแผ่ว..!! ผู้บริโภคเริ่มจับไต๋ได้ ทำให้แคมเปญ “ลุ้นเลขใต้ฝา” จึงไร้ซึ่งมนต์ขลังลงไป ตลาดชาเขียวจึงค่อย ๆ เป็นดีมานด์จริง (Real Demand) มากขึ้น นั่นหมายถึง “ซื้อเพื่อดื่ม” มากกว่า “ซื้อเพื่อรหัสใต้ฝา”

เมื่อ “ดีมานด์เทียม” ลดลง ทำให้ ICHI (ที่เปรียบเสมือน “กระต่าย” กระโดดโลดเต้นช่วงเข้าตลาดหุ้นปี 2557 วิ่งแซงหน้า OISHI ซึ่งตอนนั้นไม่ต่างอะไรกับ “เต่า” เดินต้วมเตี้ยม..ไล่ตาม “เสี่ยตัน” แทบไม่ทัน..!) เผชิญปัญหาการปั๊มยอดขายอย่างหนัก.! ไม่สามารถตีโป่งได้อีกต่อไปแล้ว..!?

ทำให้ “เสี่ยตัน” จึงต้องดิ้นออกสู่ตลาดต่างประเทศ..แต่เสมือน “หนีเสือปะจระเข้” เนื่องจาก “มุการตลาด” แบบลดแลกแจกแถมที่เคยทำได้ดี..กลายเป็น “กับดักการตลาด” จน ICHI ต้องแบกรับการขาดทุนกลับบ้านอย่างเจ็บปวด.! และแม้ว่า OISHI จะประสบปัญหาเช่นเดียวกัน..แต่ตัวเลขกำไรปี 2560 ออกมา..ต่างกันลิบลับเลยทีเดียว..!!

ตัวเลขงบการเงินปี 2560 ICHI ของ “เสี่ยตัน” กำไรลดฮวบเหลือเพียง 315 ล้านบาท แต่ว่า OISHI มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 1,457 ล้านบาท ยิ่งหนักกว่านั้นงวดครึ่งแรกปี 2561 พบว่า ICHI มีกำไรลดฮวบน่าใจหายเหลือแค่ 2.54 ล้านบาท ต่างจาก OISHI กำไรคงเส้นคงวาอยู่ที่ 837 ล้านบาท

ปรากฏการณ์ที่เกิดกับ ICHI ตอนนี้ ดูไม่ต่างอะไรกับ “กรดไหลย้อนทางการตลาด” ที่ทำให้ “เสี่ยตัน” เกิดอาการ “แน่นอก ยกไม่ออก” จนอดคิดต่อไม่ได้ว่าหุ้น ICHI ตันแล้ว..จริง ๆ หรือนี่..!!???

…อิ อิ อิ…

Back to top button