หมดยุค ‘เซียนหุ้น’

ว่ากันว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร 

ว่ากันว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก

และการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ทำให้บรรดา “เซียนหุ้น” ต่างค่อย ๆ ถูกลืมเลือนออกไปทีละคน

มีมุมมองจาก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทย และบุคคลที่ถูกขนานนามว่าเป็นนักลงทุนสาย VI หรือ Value Investor ไว้ค่อนข้างน่าสนใจ

เขาบอกว่าอย่างนี้ครับ

ช่วง 10-20 ปีก่อนหน้านี้ ถือเป็นยุคทองของบรรดาเซียนหุ้นแนว VI

ผลตอบแทนที่พวกเขาได้นั้นสูงมาก หรือ 20-30% ต่อปี และได้สูงแบบนี้ติดต่อกัน  5-10 ปีเลยล่ะ

หรือหุ้นบางตัว สร้างผลตอบแทนในบางปีเกินกว่า 100%

นักลงทุน VI หลายคนใช้มาร์จิ้นซื้อขายหุ้น

ทว่าส่วนใหญ่ ไม่ได้ถูกบังคับขายกันออกมาหรอก เพราะราคาหุ้นที่พวกเขาซื้อ ราคามักจะวิ่งขึ้นไปรวดเร็ว และสูงมาก

เหตุผลก็คือว่า แรงซื้อของหุ้นเหล่านั้นไม่ได้มาจากคนคนเดียว

แต่มาจากนักลงทุนเหล่านั้นรวมตัวเป็นกลุ่มแล้วซื้อหุ้น

เมื่อ VI คนหนึ่งเห็นและซื้อหุ้นตัวไหน  ก็มักจะพูดคุยปรึกษาและแนะนำกับคนในกลุ่มและขยายวงออกไปกว้าง และส่งผลให้คนอื่นเข้าไปร่วมซื้อด้วย  และนั่นทำให้ VI ที่เป็น “วงใน” ซึ่งมักจะซื้อก่อนคนอื่น ทำกำไรได้งดงามกว่าคนที่ตามมาทีหลัง

เวลาผ่านไปหลายปี พอร์ตของ VI หลาย ๆ คนก็เติบโตขึ้น

หลายคนมีพอร์ตระดับเศรษฐีหรือมหาเศรษฐี

เหตุผลนอกจากจะมาจากการเลือกหุ้นลงทุนที่ถูกต้องแล้ว

ยังมาจากการที่พวกเขามักจะเป็นคน “เริ่มต้น” ขับเคลื่อนราคาหุ้นจากพลังการซื้อที่รุนแรง จากเงินที่มาก ทำให้เขามีต้นทุนต่ำกว่านักลงทุนรายอื่น ๆ  ที่เข้ามาร่วมซื้อทีหลัง

“VI พอร์ตใหญ่ เหล่านี้  ในที่สุดก็ได้รับการยอมรับจากคนที่อยู่ในแวดวงการลงทุน

ตลาดหุ้นไทยในช่วงตั้งแต่ 1-2 ปีที่ผ่านเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากในกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก

นั่นคือ ราคาหุ้นได้ตกลงมาแรงมากขนาดที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็น “วิกฤติ”

หุ้นจำนวนไม่น้อยราคาลดลงมาเกิน 20%

หลาย ๆ  ตัว รวมถึงหุ้นของกิจการที่ดีพอใช้และไม่ได้มีปัญหาอะไรมีราคาลดลงมากว่า 50%

เหตุผลที่หุ้นตกนั้น ตัวที่ตกแรงมาก ๆ  เป็นเพราะราคาหุ้นที่แพงจัดมีค่า P/E สูงมาก แต่บางตัวก็เป็นเพราะสถานการณ์ทางอุตสาหกรรมและตัวหุ้นเองที่เลวร้ายหรืออาจจะเริ่มเลวร้ายซึ่งทำให้กำไรในอนาคตดูไม่แน่นอน

ดร.นิเวศน์ บอกด้วยว่า เร็ว ๆ นี้  ดูเหมือนว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กต่างก็ตกลงมาถ้วนหน้า

กลุ่มหุ้น “เติบโต”  ที่นักลงทุน VI ส่วนใหญ่โดยเฉพาะ “เซียน” ชอบเล่นนั้น

น่าจะเป็นกลุ่มที่เจ็บหนักที่สุด

หลายคนน่าจะ  “จนลงไปมาก” บางคนอาจจะสูญเสียสถานะของการเป็นเซียนเลยก็ได้

กลุ่ม หุ้นถูกเป็นหุ้น  VI” หลายกลุ่มก็เริ่มตกลงมาแรงเช่นกัน

พร้อมกับยกตัวอย่าง หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ ๆ  ก็เกิดปัจจัยลบหลายเรื่องรวมถึงมาตรการแบงก์ชาติ จำกัดการให้สินเชื่อ และอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของทางการที่น่าจะกำลังปรับขึ้น

นั่นทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ตกลงมาแรงทั้ง ๆ  ที่ผลประกอบการล่าสุดก็ยังดูดีมาก

พูดโดยสรุปก็คือ  คนที่เป็น VI เกือบทุกคนต่างก็  “บาดเจ็บ”  กันถ้วนหน้า

และต่างจากอดีตที่ VI มักจะมีผลการลงทุน  ดีกว่าตลาด  และการขาดทุนถ้าจะเกิดขึ้นก็น้อย แต่ปีนี้ทุกอย่างเป็นตรงกันข้าม  เพราะนอกจากจะขาดทุนแล้ว  ผลตอบแทนยังแย่กว่าดัชนีตลาดด้วย

รอบนี้ดูเหมือนว่า  VI รวมถึงเซียนทั้งหลายต่างก็ หมดมุก

หลายคนมองไม่เห็นอนาคตหรือมองไม่ออกว่าอะไรจะเกิดขึ้น  หุ้นในมือที่หลายคนก็ยังถืออยู่จำนวนมากก็ดูเหมือนว่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไม่มาก แต่ถ้าจะขายก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปลงทุนอะไรดี

บางคนก็รอที่จะขายถ้าหุ้น Rebound หรือดีดตัวขึ้นหลังจากที่ตกลงมาแรง

สำหรับบางคนนั้น  มูลค่าพอร์ตลดลงอย่างไม่เคยเจอมาก่อนหลังจากวิกฤติซับไพร์มในปี 2008

ดร.นิเวศน์ เขาเชื่อว่า ยุคทองของนักลงทุน และยุคทองของ VI นั้นสิ้นสุดไปแล้ว

เหตุผลเพราะว่ามันดำเนินมานานเป็นทศวรรษแล้ว ราคาหุ้นโดยรวมคือดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปสูงเกินกว่าพื้นฐาน หรือผลประกอบการของกิจการน่าจะกว่าหนึ่งเท่าตัว

ผ่านมาถึงตรงนี้ ดร.นิเวศน์ ไม่รู้ว่า “เซียน” คนไหนเสียหายจากการตกของหุ้นขนาดกลางและเล็กมากน้อยแค่ไหน

แต่หลังจากเหตุการณ์ช่วงนี้

“เซียน” ในตลาดหุ้นไทยคงหายไปพอสมควร

และเซียนรุ่นใหม่ก็น่าจะเกิดยากขึ้นมาก

สำหรับมุมมองของ ดร.นิเวศน์ มันเป็น  “อวสานของเซียน” และบางทีอาจจะต้องรออีกนานกว่าจะมีฤดูเซียนใหม่

และบางทีอาจจะอีกสิบปีหรือมากกว่านั้น

 

Back to top button