EPCO วิ่งแรง 11% รับแผนธรุกิจปี 62 ทุ่ม 700 ลบ. ต่อยอดโรงพิมพ์-ขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้า

EPCO วิ่งแรง 11% รับแผนธรุกิจปี 62 ทุ่ม 700 ลบ. ต่อยอดโรงพิมพ์-ขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าหนุนผลงานโตแกร่ง โดย ณ เวลา 14.32 น. อยู่ที่ระดับ 2.92 บาท บวก 0.28 บาท หรือ 10.61% สูงสุดที่ระดับ 2.92 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.66 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23.97 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO ณ เวลา 14.32 น. อยู่ที่ระดับ 2.92 บาท บวก 0.28 บาท หรือ 10.61% สูงสุดที่ระดับ 2.92 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.66 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23.97 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น EPCO ปรับตัวขึ้นแรง รับข่าว นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ EPCO เปิดเผยว่า แผนการขยายการลงทุนในปีนี้ (ปี 2562) บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ 700 ล้านบาท โดยจะนำไปต่อยอดธุรกิจบริษัท ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WPS ประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่เป็นประเภทบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูก คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิต และรับรู้รายได้ช่วงกลางปีนี้ โดยในปัจจุบันความต้องการใช้กล่องลูกฟูกมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากการเติบโตการขายของในระบบออนไลน์ของคนไทย ซึ่งขณะนี้ได้เจรจากับพันธมิตร เพื่อจำหน่ายกล่องลูกฟูกให้บางส่วนแล้ว จึงมั่นใจว่าธุรกิจใหม่น่าจะมีแนวโน้มที่ต่อเนื่อง

ส่วนงบลงทุนอีก 500 ล้านบาท จะเตรียมนำไปใช้สำหรับลงทุนโครงการพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม คาดเห็นความชัดเจนได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะเดียวกัน ยังมีความสนใจเข้าประมูล โครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งคาดว่าหน่วยงานภาครัฐจะออกประกาศร่างขอบเขตของงาน (TOR) ได้เร็ว ๆ นี้

สำหรับภาพรวมผลประกอบการปีนี้ ประเมินว่าจะยังคงทำสถิติสูงสุดแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงพิมพ์เพิ่มขึ้น ซึ่งมาจากWPS ภายหลังจากซื้อกิจการมาจาก บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG โดยในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้เต็มปี คาดว่าจะสร้างรายได้ปีละประมาณ 500 ล้านบาท และจะทำให้ธุรกิจโรงพิมพ์มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมธุรกิจกล่องลูกฟูก ที่จะเริ่มในครึ่งปีหลังของปี 2562

ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) คาดว่าปีนี้จะมีการดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มขึ้น 131 เมกะวัตต์ (MW) โดยจะมาจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ ประเทศเวียดนาม 110 เมกะวัตต์ในช่วงกลางปีนี้ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ประเทศญี่ปุ่น 21 เมกะวัตต์ ดังนั้น จะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 555 เมกะวัตต์ จากที่มีในมือรวม 424 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ โครงสร้างของสัดส่วนรายได้ปีนี้ จะมีสัดส่วนเท่ากัน 50% ขณะที่ภาพรวมสัดส่วนกำไรปีนี้ คาดว่าจะมาจากธุรกิจโรงพิมพ์ 33% และมาจากธุรกิจไฟฟ้า 67% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนจากธุรกิจโรงพิมพ์ 25% และธุรกิจไฟฟ้า 75%

Back to top button