“วอยซ์ฯ” คืนจอ! ศาลปกครองชี้ คำสั่ง กสทช. “น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย”

"วอยซ์ฯ" คืนจอ! ศาลปกครองชี้ คำสั่ง กสทช. "น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย"


สืบเนื่องจากกรณีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีคำสั่งทางปกครองให้สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี (Voice TV) ระงับการออกอากาศเป็นเวลา 15 วัน จนเป็นเหตุให้ นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด พร้อมด้วย นายประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการสถานีฯ ยื่นคำร้องขอระงับคำสั่งฉุกเฉินต่อศาลปกครอง เพื่อให้สถานีฯ กลับมาออกอากาศได้ตามปกติ นั้น

ล่าสุด ศาลปกครอง มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของ กสทช. ที่พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ช่องรายการวอยซ์ ทีวี ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนและสื่อมวลชนไว้อย่างชัดแจ้ง การที่ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และสำนักงาน กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) จะใช้อำนาจสั่งพักใบอนุญาตของผู้ฟ้องคดีได้ก็ต่อเมื่อเป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีมีพฤติการณ์หรือการกระทำความผิดตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 และปรากฏด้วยว่า มีความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการกระทำดังกล่าว

ทั้งนี้ หากขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มิได้เสนอว่าการออกอาอกรายการของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเกิดความเสียหายร้ายแรงหรือไม่อย่างไร และไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจารณาในประเด็นความเสียหายอย่างร้ายแรงก่อนมีมติออกคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองให้พักใช้มบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของผู้ฟ้องคดีเช่นกัน

โดยในชั้นนี้จึงเห็นว่าคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากให้คำสั่งกำหนดโทษทางปกครองดังกล่าวมีผลต่อไป อาจเกิดความเสียหายทางธุรกิจของผู้ฟ้องคดีที่มีการสั่งสมฐานผู้ชมและความเชื่อมั่น ซึ่งไม่อาจเรียกคืนได้ จึงเป็นการยากแก่การเยียวภายหลัง อีกทั้งการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าว ไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ยังคงมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล รวมทั้งผู้ฟ้องคดีตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี กรณีนี้จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของผู้ฟ้องคดี ตามหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ประกอบกับข้อ 72 วรรคสามแห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

Back to top button