DOD กำไรปี 61 โต 115% ทะลุ 304 ลบ. ดึงพันธมิตรร่วมทุนบุกตลาดความงาม-สุขภาพครบวงจร

DOD กำไรปี 61 โต 115% ทะลุ 304 ลบ. รับรายได้พุ่งกระฉูด ดึงพันธมิตรร่วมถือหุ้นบ.ย่อยขึ้นแท่นผู้นำตลาดครบวงจร


บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 งบเฉพาะกิจการมีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายในปี 2561 จำนวน 666.36ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 279.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 72.03 สาเหตุหลักมาจากคำสั่งซื้อต่อเนื่องจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

ด้าน นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DOD เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำงวด 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 673.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.23% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 388.56 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 306.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.40 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 61.51 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.53 %

ทั้งนี้ สาเหตุที่ส่งผลให้บริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯมีการย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ ตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทฯมีกำลังการผลิต ในการรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ได้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 1,000,000 กล่องต่อเดือน และสามารถรองรับการผลิตได้เต็มที่กว่า 1,600,000 กล่องต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมดจากการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) ประกอบกับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีออเดอร์ใหม่ จากกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากขึ้น  ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการย้ายฐานผลิตเดิม มาผลิตและออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ๆกับทางบริษัทฯ เนื่องจากมาตรการคุมเข้มของ อย.ที่ตรวจสอบโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่ได้มาตรฐาน

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติ จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาสินค้าและกระจายสินค้า ภายใต้ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดย DOD ถือหุ้น 80% ส่วนอีก 20% ถือหุ้นโดยผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ ด้านการทำการตลาดออนไลน์ และ ออฟไลน์ที่ติดลำดับ TOP 5 ของประเทศ โดยสาเหตุที่ บริษัทฯได้ดึงพันธมิตร ดังกล่าวเข้ามาร่วมเป็น Strategic Partner เพื่อจัดตั้งบริษัทย่อยในครั้งนี้ เนื่องจากทางบริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพ และความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้นำด้านการตลาด ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ในการขายผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพที่ครบวงจร โดยมีทีมสมาชิก ซึ่งเป็นผู้นำด้านการวางแผน เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้า ทั้งออนไลน์ และ ออฟไลน์เกือบ 500 ราย ซึ่งทีมดังกล่าวสามารถทุบสถิติในการสร้างยอดขายติดลำดับต้นๆ ของประเทศ

ดังนั้นเชื่อว่า การที่ DOD ได้ทีมพันธมิตรระดับชั้นนำของวงการมาร์เก็ตติ้ง มาเสริมทีม นอกจากเป็นการช่วยผลักดัน และหนุนความแข็งแกร่งของ DOD แล้ว ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำด้านการให้บริการ One Stop Service Solution อีกด้วย ซึ่งแผนกลยุทธ์ เพื่อขยายไลน์ธุรกิจ ในรูปแบบดังกล่าว จะเป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยคาดว่าการดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อย จะแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 1/2562 นี้

ทั้งนี้ DOD มุ่งเน้นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ โดยให้บริการครบวงจร แบบ One Stop Service Solution ดังนั้น บริษัทฯจึงเล็งเห็นว่า การเพิ่มช่องทางการตลาด ในการขยายธุรกิจ จึงเป็นอีกหนึ่ง ในแผนการปรับกลยุทธ์ของบริษัทฯ เพื่อตอบโจทย์การให้บริการที่ครบวงจร กับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับบริษัทฯ เพราะนอกจากจะเป็นผู้ผลิตแล้ว บริษัทฯยังมีช่องทางการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้า เพื่อขยายตลาดแบรนด์สินค้าของลูกค้า ไปยังช่องทางใหม่ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะสอดรับกับในช่วงที่ผ่านมาที่ DOD ได้รับเลือก เป็นผู้ประกอบการไทย เพียงรายเดียว ที่ร่วมลงนามเซ็น MOU กับ CNR MALL และสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร – วิตามิน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย –  ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเครื่องสำอาง ผ่านช่องทางการจำหน่าย TV shopping ของ CNR MALL ช่องสถานีโทรทัศน์ CCTV ในประเทศจีน

โดยแผนกลยุทธ์ การต่อยอดทางธุรกิจดังกล่าว ก็ยังหมายรวมถึง การร่วมมือทางธุรกิจ กับ บมจ.เอ็นพีพีจี   (ประเทศไทย) หรือ NPPG ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรม ด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก ชนิดอ่อนตัว ทั้งแบบซอง ม้วน ฉลากและฝา ในช่วงก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน  เนื่องจากการได้ NPPG มาร่วมเป็น Strategic Partner เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตบรรจุภัณฑ์  ในการรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่ บริษัทแตกไลน์ ไปสู่ธุรกิจเครื่องสำอางและสกินแคร์  จากการเข้าซื้อกิจการ บริษัท พีซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด (PCCA)

อย่างไรก็ตาม นโยบายในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ โดยการมุ่งเน้น ขยายไปยังไลน์ธุรกิจใหม่ๆนั้น ยิ่งเป็นการแสดงศักยภาพให้เห็นถึง การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางและสกินแคร์ แบบครบวงจร ของ DOD สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในช่องทางที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นก็จะเป็นไปตามแผนนโยบาย ของบริษัทฯที่เคยให้ไว้ว่า เราจะเป็นบริษัทฯที่มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ในอนาคต

Back to top button