CHO ลุ้นผลงานไตรมาส 1/62 โตเด่น รับรู้รายได้ “เมล์ NGV” งวดสุดท้าย 189 คัน

CHO ลุ้นผลงานไตรมาส 1/62 โตเด่น รับรู้รายได้ “เมล์ NGV” งวดสุดท้าย 189 คัน


นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าผลประกอบการน่าจะออกมาในทิศทางที่ดีขึ้น หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากยอดขายรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ (NGV) ซึ่งจะส่งมอบให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ครั้งสุดท้าย 189 คัน ในวันที่ 12 มีนาคม 2562 และทำให้บริษัทฯสามารถส่งรถเมล์ NGV ครบทั้งหมด  489 คัน ได้ตามกำหนด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่มร่วมทํางาน SCN-CHO ได้รายงานความคืบหน้าการส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศ ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ซึ่งแบ่งการส่งมอบเป็น 3 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ได้ดําเนินการส่งมอบครั้งที่ 1 จํานวน 40 คัน และเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ได้ดําเนินการส่งมอบครั้งที่ 2 จํานวน 60 คัน ขณะที่จะส่งมอบ ครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 มีนาคม 2562 จํานวน 89 คัน และงวดที่ 4 จํานวน ทั้งหมด 189 คัน โดยรวมทั้ง 4 งวดจะส่งมอบครบ ตามสัญญาทั้งหมด 489 คันได้ตามกําหนด

“การส่งมอบรถเมล์ NGV งวดที่ 4 จะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของนี้ รวมทั้งบริษัทฯจะทยอยรับรู้ค่าซ่อมบำรุงรถเมล์ NGVรุ่นใหม่ระยะเวลา 10 ปี  ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของความผันผวนของรายได้ในงานกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ทำให้จะมีรายได้มีรายได้สม่ำเสมอต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ ส่งผลให้งานในมือรอรับรู้รายได้ประมาณ 3,795 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ 38% ที่เหลือก็จะรับรู้หลังจากปี 62 เป็นต้นไป” นายสุรเดช กล่าว

นายสุรเดช กล่าวต่อว่า ถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 ว่าบริษัทฯ เตรียมเดินหน้าขยายศูนย์ซ่อมบำรุง  “สิบล้อ 24 ชม.” เพิ่มอีกจำนวน 2 แห่ง โดยปัจจุบันมี 1 แห่ง ที่จังหวัดชลบุรี เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพธุรกิจ ที่สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง มีรายได้สม่ำเสมอ และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีอีกด้วย

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2561  บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 2,287.60  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 691.78 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 43% จากงวดเดียวของปีก่อน  ขณะเดียวกัน CHO มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.47 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 333% จากงวดเดียวกันของปีก่อน EBITDA เท่ากับ 267.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 225% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนกรณีเกิดเหตุไฟไหม้เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 บริเวณพื้นที่เก็บขยะที่อยู่บริเวณด้านหลังสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งสามารถควบคุมเพลิงได้โดยเพลิงได้ดับลงเวลาประมาณ 14.45 น. สาเหตุเกิดจากถังสีใช้แล้วที่อยู่ใกล้เคียงกับกองเก็บขยะของบริษัทฯ ที่เตรียมส่งให้บริษัทรับจ้างจัดเก็บขยะนำไปกำจัด เกิดประกายไฟจากความร้อนของอากาศทำให้ไฟไหม้บริเวณพื้นที่เก็บขยะดังกล่าวโดยไม่ได้ลุกลามไปยังบริเวณสำคัญอื่นๆ บริษัทฯ ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายจากไฟไหม้ มีโคมไฟและหลอดไฟฟ้าที่อยู่บริเวณรั้วของบริษัทฯ 1 จุด มูลความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 2,000 บาท

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ไฟไหม้ดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อโรงงาน เครื่องมือ อุปกรณ์ บุคลากร และชุมชนรอบด้าน บริษัทและบริษัทย่อย สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะติดต่อหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมเพื่อความปอลอดภัยด้านชีวอนามัยของบุคลากรในโรงงานและผู้อยู่อาศัยในชุมชนใกล้เคียงโดยรอบตามจิตสำนึกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในลำดับต่อไป

Back to top button