TNR ปักธงรายได้ปีนี้โต 20% เน้นเพิ่มสัดส่วนยอดขายถุงยางอนามัย-ขยายธุรกิจ OEM

TNR ปักธงรายได้ปีนี้โต 20% เน้นเพิ่มสัดส่วนยอดขายถุงยางอนามัย-ขยายธุรกิจ OEM


นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,460 ล้านบาท พร้อมคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวขึ้นกว่าปีก่อนที่ทำได้ 22.76% โดยบริษัทจะเน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจผลิตถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ของบริษัท (company’s trademark) เป็น 20% จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 10%

สำหรับแบรนด์ ONETOUCHTM มีบริษัทเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า และแบรนด์ PLAYBOY ที่ได้รับสิทธิการขายและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นรวม 188 ประเทศทั่วโลกเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (Tender)

ทั้งนี้มองว่าการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทได้วางตำแหน่ง ONETOUCHTM เป็นแบรนด์เจาะกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลในประเทศไทยและกลุ่ม CLMV โดยปี 62 บริษัท เตรียมงบโฆษณาเพื่อสร้างแบรนด์ และมีแผนจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นการขายสินค้ามากยิ่งขึ้นและขยายฐานลูกค้าใหม่เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ ONETOUCHTM มาก่อน เป้าหมายเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยโดยสิ้นปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 27% ขณะที่แนวโน้มตลาดถุงยางอนามัยในประเทศไทยคาดว่าจะมีปริมาณการใช้ใกล้เคียงกับปีก่อน

ส่วนการขยายตลาดแบรนด์ PLAYBOY ได้วางตำแหน่งเป็นแบรนด์เจาะกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มพรีเมียมในไทยและต่างประเทศ โดยหลังจากได้รับสิทธิการขายและการตลาดเมื่อปีที่ผ่านมา ได้เดินทางพบกับคู่ค้าในภูมิภาคต่างๆ พร้อมทั้งวางระบบพัฒนาผู้แทนจำหน่ายและการวางแผนจัดกิจกรรมการตลาดร่วมกับผู้แทนจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย ส่วนแผนงานในปีนี้จะรุกขยายตลาดในภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ ยุโรป แอฟริกา อาเซียนและตะวันออกกลาง รวมทั้งเพิ่มประเทศคู่ค้าใหม่ๆ และเพิ่มยอดขายสินค้าในประเทศคู่ค้ารายเดิม

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายสินค้าในกลุ่มธุรกิจ OEM เติบโตจากปีก่อนราว 10-15% โดยปัจจุบันยังคงมีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากลูกค้าในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มธุรกิจงานประมูลจะเน้นเข้าประมูลงานที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและสามารถควบคุมอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวบริษัทจะทยอยปรับลดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจงานประมูลและหันมามุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทมากขึ้น

ด้านนายสุเมธ มาสิลีรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน TNR มองว่าปี 62 จะเป็นปีที่บริษัทมีการเติบโตที่ดีขึ้นทั้งในด้านยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น โดยนอกจากแผนงานเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าแบรนด์ ONETOUCHTM และ PLAYBOY แล้ว คาดว่าจะได้รับผลดีจากราคาวัตถุดิบหลักในตลาดโลกที่ปรับลดลง อาทิเช่น ราคาซิลิโคนที่ปรับลดลงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาและสถานการณ์ราคาน้ำยางที่อยู่ในช่วงลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารต้นทุนการผลิตสินค้าในปีนี้

ส่วนบริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ TNR ที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ หลังจากเข้าควบรวมกิจการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์ให้กับบริษัทและลูกค้าทั่วไป บริษัทได้เข้าไปดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นภายในโรงงาน ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และตั้งเป้าหมายให้บริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ปกลับมาสร้างผลกำไรอีกครั้งตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยจะเน้นลดความสูญเสียในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง

Back to top button