CAZ ร่วงแรง 1 สัปดาห์รูด 27% นิวโลว์ในรอบ 1 เดือน สวนโบรกฯแนะซื้อ-แผนธุรกิจปีนี้โต 40%

CAZ ร่วงแรง 1 สัปดาห์รูด 27% นิวโลว์ในรอบ 1 เดือน สวนโบรกฯแนะซื้อ-แผนธุรกิจปีนี้โต 40% โดย ณ เวลา 10.56 น. อยู่ที่ระดับ 3.94 บาท ลบ 0.26 บาท หรือ 6.19% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 25.01 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CAZ ณ เวลา 10.56 น. อยู่ที่ระดับ 3.94 บาท ลบ 0.26 บาท หรือ 6.19% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 25.01 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงตลอด 1 สัปดาห์ โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 5 บาท เมื่อวันที่ 19 มี.ค.62 จนถึงล่าสุดหุ้นร่วงแล้ว 27% ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน

บล.เคจีไอ  CAZ (เป้าพื้นฐาน 6.0 บาท) คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/62 จะเติบโต เทียบไตรมาสก่อนหน้าและ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการส่งมอบงานและรับรู้รายได้ (Backlog ในมือที่ 2.5 พันล้านบาท ทยอยส่งมอบภายใน 1 – 1.5 ปี)

ราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพ คาดจะทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกกลับมาขยายการลงทุน หลังจากชะลอการลงทุนไปก่อนหน้านี้ (งานประมูลออกมาเยอะ ไม่กดดันอัตรากำไรของผู้รับเหมาฯ) ขณะที่ในไทยเองคาด CAZ จะประมูล Sub-contract งานโรงกลั่นใหม่ของ TOP* (คาด CAZ สามารถรับงาน TOP* มูลค่าราว 4 พันล้านบาท) 4) PE ปี 2562 = 15 เท่า ไม่แพงเทียบอัตราการเติบโตของ EPS +23% CAGR (2561 – 63)

อนึ่งก่อนหน้า นายซุง ซิก ฮอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซี เอ แซด (ประเทศไทย) (CAZ) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2562 จะเติบโต 30-40% จากระดับ 1,390 ล้านบาทในปี 2561  เนื่องจากมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 2,516 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังได้เข้าประมูลงานเพิ่มอีก 2 โครงการ โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากผลการประมูลงานจำนวน 1 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการเข้ารับงานโครงการดังกล่าวเร็ว ๆ นี้

ขณะเดียวกันหลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเงินระดมทุนจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนในการรับงานก่อสร้าง และสนับสนุนการดำเนินงานที่มีอยู่ในมือ

สำหรับทิศทางธุรกิจก่อสร้างในอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากกลุ่มลูกค้า Oil&Gas ได้ขยายธุรกิจและลงทุนในโครงการมากขึ้น ประกอบกับการสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุน ทำให้บริษัทมีงานก่อสร้างมากขึ้น โดยเฉพาะงานในกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก

Back to top button